อาชญากรรม

ค้น 3 จุด ยึดทรัพย์กว่า 300 ล้าน ขยายผล ‘ผับจินหลิง’ พบเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจอหนุ่มจีนสวมบัตรคนไทย

โดย petchpawee_k

4 พ.ย. 2565

38 views

ตร.ขยายผลคดีผับ ‘จินหลิง’ ค้น 3 จุด ต้องสงสัย ยึดทรัพย์สินกว่า 300 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ หลังพบข้อมูลเอี่ยวกลุ่มทุนจีนสีเทา-เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย  พบหนุ่มจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย รอง ผบ.ตร. ยัน ไม่มีใครควบคุมตำรวจได้ ปัดตอบ อดีต รมว. เอี่ยวทุนจีน-บ่อน  เผย อยู่ระหว่างตรวจสอบทุนต่างชาติอื่นเชื่อมีหลายแก๊ง


วานนี้ (3 พ.ย.) พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ แถลงปฏิบัติการขยายผลการจับกุมบุคคลที่มีเอี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน ซึ่งเชื่อมโยงมาจากการจับกุมสถานบริการจินหลิง ตามปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” โดยปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถยึดทรัพย์สินอาทิ รถหรู เงินสด และกระเป๋าแบรนด์เนม รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท  


การขยายผลครั้งนี้ สืบเนื่องมากจากกรณีที่การเข้าตรวจค้นสถานบริการจินหลิง ย่านยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีน 237 คน และตรวจยึดรถยนต์หรูกว่า 30 คัน โดย 1 ในรถยนต์หรูที่ตำรวจยึดไว้ คือรถยนต์เปอร์เช่สีเทา ซึ่งมีหญิงชาวจีนเป็นผู้ขับ และมีชายชาวจีนเป็นเจ้าของรถยนต์


จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวที่เป็นเจ้าของรถ คือ Mr.Lin Yian ซึ่งพบพิรุธในเอกสารแสดงตนจากหนังสือเดินทางกัมพูชา และยังมีหนังสือเดินทางของประเทศต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้สวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนคนไทย อีกทั้งในการสืบสวนพบเส้นทางการเงินที่ผิดปกติและอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์


เนื่องจากพบว่าเงินจำนวนมากถูกนำไปลงทุนธุรกิจต่าง ๆ ซื้อบ้าน คอนโดหรู รถยนต์หรู และทรัพย์สินมีค่า อีกทั้งยังพบการว่าจ้างบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอดเวลา ตำรวจจึงได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่พักอาศัยและใช้ในการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว 3 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา


จุดแรก บ้านพักซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ แขวงประเวศ กรุงเทพฯ พบชาวจีน 5 คน และคนไทย 3 คน พร้อมทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สุราต่างประเทศกว่า 50 ขวด โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง และ เงินสด 7 ล้านบาท


จุดที่ 2 บ้านพักในหมู่บ้านหรู เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIAN พบชายชาวจีน 1 คน และคนไทย 2 คน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ


จุดที่ 3 คอนโดมิเนียม บริเวณซอยสุขุมวิท 3933 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIAN  พบมีชายชาวจีน 2 คน หญิงชาวจีน 2 คน พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด 28 ล้านบาท / กระเป๋าแบรนเนมหรู 8 ใบ


พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ระบุว่า นาย Lin Yian ผู้ต้องหาหลักในครั้งนี้ ไม่สามารถพูดไทยได้เลย แต่มีบัตรประชาชนไทยจึงเป็นที่ผิดสังเกต เลยนำบัตรประชาชนที่นาย Lin Yian ครอบครอง ไปตรวจสอบกับทะเบียนราษฎร์ ปรากฎว่าใบหน้าไม่ตรงกับผู้ต้องหา เชื่อว่าเป็นการปลอมบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งตำรวจได้สืบสวนจนพบตัวเข้าของบัตรตัวจริง ทราบว่าเป็นชาวไทยที่ยังมีชีวิตอยู่และทำอาชีพเก็บข้าวโพดอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าตัวไม่ทราบเลยว่าถูกปลอมบัตรประชาชนและได้มีการวีดิโอคอลยืนยันตัวเจ้าของบัตรในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย


นอกจากนี้จากการดูบันทึกการเข้าออกประเทศจากพาสปอร์ตของนาย Lin Yian ที่ยึดไว้ พบว่ามีการเดินทางเข้าออกไทย-กัมพูชา 25 ครั้ง และเข้า-ออกมาเลเซียอีก 12 ครั้ง และยังพบความเชื่อมโยงกับกลุ่ม "คิงโรมัน" ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตรงข้ามเชียงแสน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จึงเชื่อว่านายหลินเหยียน เป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างเซิฟเวอร์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านแต่ใช้ไทยเป็นที่พักอาศัย


เบื้องต้น ตำรวจจะดำเนินคดีกับนาย Lin Yian ในข้อหาปลอมบัตรประชาชน โดยได้ส่งตัวไปควบคุมตัวที่ สน.อุดมสุข และจะตรวจสอบเส้นทางการเงินและพฤติการณ์เพิ่มเติม ว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาหรือไม่ รวมทั้งสอบสวนขยายผลต่อไปว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนให้การสนับสนุนในการปลอมบัตรประชาชนแก่นาย LinYian หรือไม่


ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้กับตำรวจเกี่ยวกับ 5 กลุ่มทุนเครือข่ายชาวจีน มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังบ่อนและผับศูนย์เหรียญในไทยนั้น พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ระบุว่า กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวน ในทางสืบสวนตอนนี้ยังไม่พบนักการเมืองระดับอดีตรัฐมนตรีหรือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนยืนยันว่าหากมีพยานหลักฐานพร้อมก็จะดำเนินคดีต่อไป


พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ เปิดเผยถึงประเด็นอดีตรัฐมนตรีฯ ที่มีรายชื่ออยู่เบื้องหลังบ่อนและทุนจีนว่า เรื่องนี้ขอให้ทางตำรวจสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน ก่อนที่จะมาตอบหรือยืนยันได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ และเป็นบุคคลตามที่สังคมคิดกันหรือไม่ พร้อมทั้งขอรวบรวมพยานหลักฐาน เส้นทาง และของกลางที่ยึดมา เพราะเชื่อว่าการก่ออาชญากรรมต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ ซึ่งหากว่าร่องรอยถึงใคร ก็ต้องรับสภาพ โดยตอนนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวนยืนยันไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมการทำงานของตำรวจได้


ส่วนตัวการใหญ่ชาวจีนอักษรย่อ ต. กับ ห. ที่นายชูวิทย์กล่าวอ้างว่ามีความสนิทชิดเชื้อกับนักการเมืองและตำรวจระดับสูง เบื้องต้นตำรวจเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นที่พักของอดีตรัฐมนตรี ไปแล้วแต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือมีหลักฐานเชื่อมโยง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายชาวจีน ซึ่งต้องให้เวลาตำรวจดำเนินการสืบสวนเส้นทางการเงินและความสัมพันธ์สักระยะ


พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ยังเปิดเผยถึงประเด็นทุนอินเดียล่าสุดว่า เรื่องนี้ทางตำรวจมีการตรวจสอบดูทั้งหมดและเชื่อว่ามีหลายแก๊งมากที่อยู่ในประเทศไทย แต่ขอยังไม่ระบุถึงชื่อประเทศ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เกี่ยวข้องและมีหลายชาติที่เข้ามา ซึ่งปัญหานี้เกิดตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิดที่ชาวต่างชาติไม่สามารถกลับประเทศได้ และมีการอยู่ในประเทศแบบ Over โดยเรื่องนี้ได้ส่งเรื่องให้กับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล แล้วและอยู่ระหว่างตรวจสอบไปด้วยกัน เพราะเราเองก็ไม่อยากให้ประเทศไทยเราเป็นฐานก่ออาชญากรรม


--------------------------------------------------------------------

‘หลิน เหยียน’ ตัวละครใหม่ในขบวนการมาเฟียชาวจีน ถือบัตรประชาชนสวมสิทธิ์คนไทย เดินทางเข้าออก ไทย-กัมพูชา-มาเลเซียหลายครั้ง คาดเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์


จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงร่วมกับตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ในปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” ซึ่งเป็นการขยายผลจับกุมบุคคลที่มีเอี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน ซึ่งเชื่อมโยงมาจากการจับกุมสถานบริการจินหลิง รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท


จากการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้ปรากฎตัวละครใหม่ในขบวนการอาชญากรมาเฟียสัญชาติจีนที่มากระทำความผิดในไทย คือ Mr.Lin Yian หรือนายหลิน เหยียน ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาวจีนที่เป็นเจ้าของผับจินหลิงแต่อย่างใด แต่สาเหตุที่ทำให้กลายเป็นประเด็นอันนำมาสู่การจับกุมและตรวจค้นยึดทรัพย์สินของนายหลิน เหยียน ก็มีผลสืบเนื่องจากกรณีผับจินหลิง


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจค้นสถานบันเทิงผับจินหลิง ในท้องที่ สน.ยานนาวา สามารถจับกุมชาวจีนได้มากถึง 200 กว่าราย และตรวจยึดรถหรูได้มากกว่า 30 คัน ซึ่งหนึ่งในจำนวนรถหรูเหล่านี้ มีรถยนต์เปอร์เช่สีเทาคันหนึ่ง พบว่าเป็นหญิงชาวจีนคนหนึ่งขับมาที่สถานบันเทิงจินหลิง ทางตำรวจจึงยึดมาตรวจสอบเพื่อหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย พร้อมรถหรูคันอื่นๆ แต่ปรากฎว่า รถยนต์คันดังกล่าว มีเจ้าของรถคือนายหลิน เหยียน สัญชาติจีน ซึ่งทางตำรวจได้สืบทราบต่อไปจนพบว่า นายหลิน เหยียน มีพิรุธหลายประการ


ประการแรก นายหลิน เหยียน เป็นคนสัญชาติจีนที่พูดไทยไม่ได้ แต่ถือครองบัตรประจำตัวประชาชนไทยโดยใช้ชื่อว่า นายยะปะสอ (สงวนนามสกุล) รวมทั้งออกหนังสือเดินทางไทยในนามของนายยะปะสอ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่คนจีน พูดไทยไม่ได้ แต่มีบัตรประชาชนไทยและชื่อไทย จึงดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม จึงพบว่า นายหลิน เหยียน ถือบัตรประชาชนที่สวมชื่อนายยะปะสอ ชาวไทยอีกที ทั้งที่นายยะปะสอตัวจริงยังมีชีวิตอยู่และทำอาชีพเก็บข้าวโพดอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ นั้นจึงหมายความว่า นายหลินได้สวมสิทธิเป็นชาวไทยที่มีบัตรประชาชน ทั้งที่ตนยังไม่ได้แปลงเป็นสัญชาติไทยตามกระบวนการกฎหมาย


ประการที่สอง นายหลิน เหยียนได้ถือหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา และพบว่ามีการเดินทางเข้าออกไทย-กัมพูชา 25 ครั้ง และเข้าออกไทย-มาเลเซียอีก 12 ครั้ง ซึ่งเป็นการเดินทางที่บ่อยครั้งและมีพิรุธ อีกทั้งยังพบว่า นายหลิน เหยียนมีเส้นทางการเงินที่มากผิดปกติ และนำไปลงทุนซื้อบ้าน คอนโดหรู รถยนต์หรู และทรัพย์สินมีค่า ซึ่งจากการที่ตำรวจตรวจยึดมาได้ พบว่ามีมากถึง 300 กว่าล้านบาท จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า นายหลิน เหยียน อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก็งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในประเทศกัมพูชาและการฟอกเงิน


ประการสุดท้าย จากการสืบประวัติพบว่า นายหลินเปิดร้านสุกี้แห่งหนึ่งในคิงโรมัน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าเป็นสถานบันเทิงและบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตรงข้ามเชียงแสน จ.เชียงราย จึงคาดการณ์ว่า นายหลินอาจจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มคาสิโนในคิงโรมัน ซึ่งมีข้อมูลจากนายชูวิทย์เปิดเผยว่า ผู้ที่เป็นผู้ควบคุมบ่อนคิงโรมันหรือเจ้าเหว่ยนั้น ก็เป็นหัวหน้าตัวท็อบของแก๊งค์ 5 กลุ่มมาเฟียจีนอีกที ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่สงสัยว่า นายหลินจะมีความสัมพันธ์ที่อยู่ภายใต้กับเจ้าเหว่ยอีกทีหรือไม่ และมีความเชื่อมโยงอย่างไรกับกลุ่มมาเฟียชาวจีน 5 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นเจ้าของสถานบันเทิง ผับ ยาเสพติด และบ่อนในประเทศ


หากจับต้นชนปลายจากข้อมูลที่ได้มา แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่านายหลิน มีความเกี่ยวโยงกับกรณีสถานบันเทิงจินหลิงอย่างไร หรือมีความสัมพันธ์กับ 5 กลุ่มมาเฟียชาวจีนหรือไม่ ซึ่งต้องรอการสืบสวนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกที แต่จำนวนทรัพย์สินที่สามารถยึดได้กว่า 300 ล้านบาท จากบ้านพักอาศัยและคอนโด 3 จุดของนายหลินที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจค้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร


รวมไปถึงการสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยของนายหลิน ยิ่งทำให้ตำรวจต้องสืบสวนต่อไปว่า นายหลินจะมีเอี่ยวเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟียชาวจีนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ หรือมีส่วนรู้เห็นบงการกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาหรือไม่ หรือนี่จะเป็นเครือข่ายกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมทุกประเภทอาชญากรรมตั้งแต่คอลเซ็นเตอร์ ผับ ยาเสพติด บ่อน ยันการฟอกเงินหรือไม่ คงต้องให้เวลาตำรวจในการทำงานอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ นายหลินถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.อุดมสุข และถูกแจ้งข้อหาปลอมบัตรประจำตัวประชาชน และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ระบุกับสื่อมวลชนว่า ตอนนี้ทางตำรวจจะยังคงเร่งสืบสวนทั้งเส้นทางการเงินและความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มมาเฟียเจ้าของผับศูนย์เหรียญหรือแก็งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน พร้อมทั้งขยายผลไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำเนินการออกบัตรประชาชนปลอม สวมชื่อคนไทยให้แก่นายหลินได้อย่างไร


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/A8id-d1HXnY

คุณอาจสนใจ

Related News