"ศรีสุวรรณ" ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนมติ ครม. ให้ต่างชาติซื้อที่ดิน

ที่บริเวณหน้าศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 กรณีเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ชาวต่างชาติ ได้กรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินไทยจำนวน 1 ไร่ โดยหวังเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ใหม่ จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่า เป็นร่างกฎหมายขายชาติขายแผ่นดินหรือไม่



นายศรีสุวรรณ มองว่า ในร่างกกฎกระทรวงดังกล่าว ไม่ได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้เฉพาะในกรุงเทพ ,ชลบุรี หรือพัทยาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเขตเทศบาล และในเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยผังเมือง ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัดที่ชาวต่างชาติสามารถเข้าไปอยู่ในประเทศไทยได้ทุกจังหวัด ผมมองว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบของคณะรัฐมนตรี โดยอยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะรับเรื่องไว้พิจารณา และพิพากษาตามคำขอของสมาคมและชาวบ้านที่มีหัวใจรักแผ่นดินรักชาติทุกคน การให้เพิกถอนมติ ครม. ฉบับนี้ออกไป



ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ อยากให้รัฐบาลรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่ฟังความเห็นเฉพาะคนในกรุงเทพฯ อย่างเดียว รวมทั้งควรทำประชามติตาม พ.ร.บ.ประชามติ 2564 ที่รองรับรัฐธรรมนูญมาตตรา 166 อยู่แล้ว และขอให้ทุเลาการบังคับตามกฎหรือคุ้มครองชั่วคราวไปในคำฟ้องด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาลปกครองสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมกับคนไทย 70 ล้านคน ไม่ให้ผู้มีอำนาจรัฐ คณะรัฐมนตรีใช้อำนาจตามอำเภอใจหรือใช้ดุลพินิจโดยมิชอบต่อไป



นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวอีกว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติหรือคนต่างด้าว เข้ามาซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยในประเทศไทยเรา เป็นเรื่องอันตรายสำหรับอนาคตของคนไทยทั้งชาติ เหมือนที่ทฤษฎีต้มกบในหม้อน้ำเย็น ช่วงแรกคงไม่รู้สึกอะไรแต่ในระยะยาว 5-10 ปี หรือในอนาคตข้างหน้า เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้น แน่นอนว่าสังคมประเพณีวัฒนธรรมของประเทศเราจะเปลี่ยนไป เพราะสังคมเรากับเขาไม่เหมือนกัน



“เมื่อเขามาอยู่กันมากๆ รวมตัวกันเป็นชุมชนได้ เขาอาจจะห้ามคนไทยย่างก้าวเข้าไปในพื้นที่ที่ดินของเขา อาจจะมีการปักป้ายห้ามคนไทยหรือสุนัขเข้าพื้นที่ก็ย่อมได้ เรื่องเหล่านี้อาจสร้างความเจ็บปวดให้คนไทยทั้งชาติ เพราะคนไทยทั้งประเทศประมาณ 70-80 % ตอนนี้ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง” นายศรีสุวรรณ กล่าว