กกต.สั่งสอบแล้ว ปม มีชื่อผับดังมอบเงินบริจาค พปชร. 3 ล้าน ลั่น ตรวจตามมาตรฐาน ขอให้ปชช.สบายใจปฏิบัติเหมือนกันทุกพรรค

กกต.สั่งสำนักงานสอบเบื้องต้น ปมเงินบริจาค พปชร. 3 ประเด็น เลขา กกต.ลั่นตรวจสอบตามมาตรฐาน ให้ความเป็นธรรมกับพรรคและคนบริจาค

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองเปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีนายทุนสถานบันเทิงย่านยานนาวาบริจาคเงิน 3 ล้านบาทให้กับพรรคพลังประชารัฐว่าในฐานะที่ตนเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองและเลขา กกต. ตั้งแต่ที่ทราบข่าวก็ได้มอบหมายให้สำนักกิจการพรรคการเมืองที่ดูแลเรื่องให้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นใน 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกผู้บริจาค

โดยประเด็นแรกคือผู้บริจาค มีสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งดูจากตัวเลข 13 หลักตามหมายเลขบัตรประชาชน ก็ถือว่าเป็นผู้มีสัญชาติไทย ก็ถือว่าเป็นผู้ที่สามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้ ประเด็นที่ 2 จำนวนเงินก็ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด และสุดท้ายพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รู้หรือควรจะรู้ว่าแหล่งที่มาของเงินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยอยู่ในชั้นที่สำนักงานจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ก็จะมีอยู่ 3 ประเด็นเท่านั้น โดยกกต.ได้ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็คงจะทำเรื่องมาหานายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป

เมื่อถามถึงการตรวจสอบก่อนที่จะมีชื่อปรากฏมีผู้บริจาคถือว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. ในการตรวจสอบหรือไม่ นายแสวงระบุว่าตามมาตรฐาน การบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 74 และจำนวนเงินต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนดคือ 10 ล้านบาท ซึ่ง กกต. ตรวจสอบทั้ง 2 เกณฑ์ตามมาตรฐาน

นั่นคือทุกพรรคต้องทำตามกฎหมาย ก็คือเมื่อพรรคได้รับบริจาค พรรคต้องตรวจสอบเบื้องต้นว่าหนึ่งเป็นผู้ที่สามารถบริจาคเงินให้กับพรรคได้หรือไม่ สอง จำนวนเงินสามารถทำได้หรือไม่ และพรรคจะติดประกาศไว้ ณ ที่ทำการของพรรค และส่งให้สำนักงาน กกต.หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองไปประกาศให้สาธารณชนรับทราบต่อไป ซึ่งก็ดำเนินมาอย่างนี้เมื่อมีกรณีที่เป็นที่สงสัยว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ กกต.ก็จะดำเนินการตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองและตัวผู้บริจาคซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ



เมื่อถามว่าหากพรรคการเมืองรับรู้ในภายหลังว่าเงินที่ได้รับมาไม่ถูกต้องสามารถดำเนินการแก้ไขได้หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่าตัวกฎหมายได้ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว ผลการตรวจสอบออกมาอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขอให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร

"ก็ขอให้ท่านสบายใจหมายถึงว่าให้ประชาชนสบายใจ เราปฏิบัติเหมือนกันทุกพรรคและจะตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร" นายแสวงกล่าว



ส่วนความคืบหน้าเรื่องกฎหมายลูก 2 ฉบับทั้งกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และกฎหมายพรรคการเมือง นั้นในชั้นนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งชี้แจงเพิ่มเติมซึ่งยังอยู่ภายในเวลา 15 วันสำนักงานจะต้องชี้แจงไปที่ศาลโดยเร็วภายในกำหนดเวลา ส่วนการประชุมกกต. จังหวัดในการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งนั้นเป็นการเตรียมความพร้อมทั้งข้อกฎหมายและทางธุรการ

เนื่องจากกฎหมายได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งโจทย์ของสำนักงานก็คือต้องดำเนินการอย่างไร ให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งเรื่องของกระบวนการและผลการเลือกตั้งการเลือกตั้งต้องมีความโปร่งใสมีประสิทธิภาพอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมาออกเสียงรวมถึงการให้ข้อมูลการออกเสียงเลือกตั้งอย่างครบถ้วน ซึ่งกกต.ได้พยายามซักซ้อมขณะนี้ต้องรอว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะมีผลออกมาอย่างไร