รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้ บก.น.7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี พ่อค้าส้มตำ ถูกจับเป็นแพะในคดีลักทรัพย์

พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและโฆษกตำรวจนครบาล ระบุถึงประเด็นที่พ่อค้าขายส้มตำร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกตำรวจจับนอนคุกเป็นแพะในคดีลักทรัพย์ มูลค่านับล้านในพื้นที่ สน.บางขุนนท์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทาง บก.น. 7 ตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวแล้ว โดยจากข้อมูลเท่าที่ได้รับรายงานมาพบว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนของพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลฯ จนได้ปล่อยตัวไปแล้ว ไม่ได้ถูกคุมขัง โดยเรื่องนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้ความสำคัญ พร้อมสั่งการให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

เบื้องต้นจากการสอบถามพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในเรื่องของการชี้ตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด และตรงนี้ยังเป็นคำกล่าวอ้างของผู้เสียหาย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้รู้ว่าบกพร่องตรงไหน นอกจากนี้ได้สอบถามทางพนักงานสอบสวน ระบุว่า ได้ข้อมูลหลักฐานจากผู้เสียหายที่ได้ให้ข้อมูลไว้เบื้องต้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2563 แต่ในขณะนี้ปี 2565 ที่เข้าจับกุม โดยระยะเวลาที่ผ่านมาผ่านกระบวนการการออกหมายจับและจับกุมแล้ว จึงต้องตรวจอย่างละเอียด พร้อมต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลให้หายสิ้นข้อสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ และขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอตรวจสอบประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลศิริราชที่ทางพ่อค้าส้มตำได้ให้การว่าในห้วงเวลาที่เกิดเหตุได้รักษาตัวอยู่ หลังถูกรถชน

โดยขณะนี้ยืนยันว่า คดีนี้ขั้นตอนอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ยังไม่ไปถึงชั้นพนักงานอัยการหรือชั้นศาลแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้เสียหายหรือจำเลยนั้น เนื่องจากคดีนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการจับกุม ยังไม่ถูกตัดสิน จึงต้องมาดูว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงไหน และทางผู้เสียหายเองอาจจะฟ้องในส่วนของทางแพ่งได้ พลตำรวจตรีจิรสันต์ ยังยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะนำเอามาเป็นบทเรียนทั้งหมด และต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกิดความละหลวมหรือผิดที่ประเด็นตรงไหน พร้อมระบุว่ททางตำรวจให้ความยุติธรรมและทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส ไม่เอาผู้บริสุทธิ์มาตกเป็นแพะ ทำให้เสียเวลาอย่างแน่นอน