สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 24 ต.ค.65 คนใต้หนุนบิ๊กตู่ อันดับ 1 - เค ร้อยล้าน ล็อกคอธนาธร - หมอสองถูกลักพาตัว

โดย thichaphat_d

24 ต.ค. 2565

50 views

-เค ร้อยล้าน ก่อเหตุระทึก บุกล็อกคอ ธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า กลางงานสัปดาห์หนังสือพร้อมโยนกระเป๋าขู่มีระเบิด ทำประชาชนแตกตื่นหนีวุ่น ก่อน รปภ.รวบคางาน ด้านธนาธรรุดห้ามอย่าทำร้ายเขา ส่วน เค ร้อยล้าน อ้างแค่กอดคอหลังเข้ามาซื้อหนังสือ ตำรวจแจ้งข้อหา ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับหนึ่งหมื่นบาท

ธนาธรเล่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว ถูกล็อกคอจากด้านหลัง จนหายใจไม่ออก ก่อนที่จะผลักออก เผยมีรอยพกช้ำที่แก้มซ้ายและต้นคอ ยันดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย แน่นอนวอนผู้เห็นต่างทางการเมืองแก้ปัญหาด้วยสันติ

-ตำรวจทุ่งสองห้องบุกบ้านหญิงปาไข่ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ตรวจค้นพร้อมยึดปืน 1 กระบอก เพื่อป้องปราม ผู้เสียหายระบุหญิงก่อเหตุมีพฤติกรรมรุนแรงมานาน ชี้ชาวบ้านยังหวาดกลัว ร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือ และดำเนินการหวั่นเกิดเหตุอันตราย ตำรวจระบุเรียกสอบหญิงปาไข่ในวันนี้

-5 ผู้ต้องหาปล้นยาเสพติดนอนคุก หลังตำรวจคุมตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสงขลา โดยมีญาติของผู้ต้องหาเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งระหว่างการคุมตัวขึ้นรถ ผู้ต้องหาต่างตะโกนบอกญาติว่า ให้ไปช่วยประกันตัวที่ศาลให้ด้วย และฝากถึงปลัด อ.รัตภูมิ และทีม อส.ว่า คนพวกนี้ทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ ด้านตำรวจเตรียมออกหมายเรียกสอบ รองปลัดฯ สงขลา-อส. หลังถูกแก๊งปล้นยาซัด-เรียกเงิน 25 ตุลาคมนี้

-หมอสอง ปลอดภัยแล้ว หลังถูกลักพาตัวขณะท่องเที่ยวในอัฟกานิสถาน ล่าสุดกำลังติดต่อเจ้าหน้าที่เดินทางกลับประเทศไทย ขณะที่ผู้ใกล้ชิดหมอสอง เผยปมเหตุลักพาตัว เพราะถูกไกด์ผีหลอกที่ประเทศมาลี ก่อนเจอกลุ่มพื้นเมืองจับตัวเรียกค่าไถ่ ด้านกระทรวงการต่างประเทศ เร่งตรวจสอบกรณีหมอสอง ยังไม่แน่ชัดปมถูกลักพาตัว

-ผู้บริหาร คลับวัน พัทยา แจงหลังอ้างจ่ายเงินกับผู้ใหญ่แล้ว ระบุที่พูดไปเพราะเมา อยากเอาตัวรอด พร้อมขอโทษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านได้ทำตามกฎหมาย แต่ที่พบยาเสพติดในร้านนั้น เนื่องจากมันเกินความควบคุม ด้านตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ผู้ควบคุม ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย



เรื่องเล่าการเมือง

-ผลสำรวจที่น่าสนใจของนิด้าโพล เป็นการสอบถามคนใต้เรื่องคนที่จะสนับสนุนเป็นนายกฯและพรรคที่จะเลือกในการเลือกตั้งครั้งหน้า

สำหรับบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า

- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 คือ ร้อยละ 23.94

- ทิ้งห่าง อันดับ 2 คือ น.ส.แพทองธาร หรือ อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร ที่ได้ร้อยละ 13.24

-อันดับ 3 ร้อยละ 12.79 บอกว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

- อันดับ 4 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ / อันดับ 5 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มาเป็นอันดับ 6 / ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนหลังบุกหนักที่ภาคใต้ มาเป็นอันดับ 9

ส่วนพรรคที่คนใต้จะเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 27 / ทิ้งห่างอันดับสองคือพรรคเพื่อไทยที่ได้ร้อยละ 14.9 / รองมา คือพรรคพลังประชารัฐ / พรรคก้าวไกล / พรรคภูมิใจไทย

สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 และ 2 ยังเป็นประชาธิปัตย์และเพื่อไทยเหมือนกัน ส่วนอันดับรองลงไปพรรคก้าวไกลแซงพรรคพลังประชารัฐขึ้นมา

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ผลโพลที่ออกมา ทำให้มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.เพิ่มมากขึ้น และ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งแน่นอน

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ถือเป็นกำลังใจให้รัฐบาลทำงานต่อไป ซึ่งไม่เฉพาะที่ภาคใต้ แต่ต้องทำให้กับทุกๆภาค

ขณะที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่พรรคได้คะแนนนิยมมาเป็นมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะพรรคมีผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนคะแนนนิยมของหัวหน้าพรรคที่มาเป็นอันดับ 6 นั้น ยอมรับว่าจะต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อให้คะแนนนิยมควบคู่ไปกับพรรคให้ได้



-กรณีที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ออกมาเสนอชูสโลแกน "หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม" ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อวานมีแกนนำพรรคออกมาปฏิเสธ

สโลแกน ‘หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม’ ถูกเสนอโดยนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อวานนี้ก็มีแกนนำพรรคถึง 2 คนออกมาปฏิเสธ โดยคนแรกคือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน มองว่า อาจจะเป็นการพูดกันเอง

อีกคนคือนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรี ดีอีเอส บอกว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีการพูดคุยกันในกรรมการบริหารพรรค ส่วนจะเป็นการหยั่งเสียงหรือไม่ นายชัยวุฒิ ก็บอกว่า ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ แต่นักการเมืองก็แสดงความคิดเห็นได้ ยังไม่ใช่ข้อสรุป เพราะสุดท้ายอยู่ที่ผู้บริหารและผู้ใหญ่ในพรรค ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคยังสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน อย่างนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าอยากให้พรรคพลังประชารัฐ ชูสโลแกน ‘หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม’ จริง เพราะพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์ หากผลัดกันเป็นนายกรัฐมนตรี คนละ 2 ปี เชื่อว่าประชาชนจะไม่เลือก และทำให้ตัดสินใจได้ง่าย แล้วหันมาเลือกพรรคเพื่อไทย และส่วนยังมองว่าพล.อ.ประวิตร มีข้อดีกว่าพลเอกประยุทธ์ ในมุมการเข้าอกเข้าใจประชาชน และความเป็นมนุษย์


-ส่วนความเคลื่อนไหวการเมืองที่น่าสนใจวันนี้ ต้องติดตามภารกิจการลงพื้นที่น้ำท่วมทั้งของรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ขณะที่ฝ่ายค้าน น.ส.แพทองธาร พร้อมแกนนำเพื่อไทย ก็จะลงพื้นที่อุบลราชธานี

ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกำหนดการในเวลา 9.00 น. จะไปตรวจเยี่ยมให้กำลังประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมที่ จังหวัดสิงห์บุรี โดยจุดแรกจะไปรับฟังบรรยายและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี จากนั้นไปเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ในตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง และตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ โดยเฮลิคอปเตอร์ ในช่วงเที่ยง

ขณะที่เจ้าของพื้นที่ อย่างนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดีอีเอส เชื่อว่าจะไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี เหมือนที่นนทบุรี เพราะรัฐบาลลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา และจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือ ไม่อยากให้ใช้โอกาสนี้สร้างประเด็นการเมือง

สำหรับ จ.สิงห์บุรี ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ก็เคยไปลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำมาแล้ว เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (3 ต.ค.)

ส่วนฝากฝั่งฝ่ายค้าน ก็ลงพื้นที่น้ำท่วมเช่นกัน โดยอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีม แกนนำพรรค ไปที่จังหวัดอุบลราชธานี จุดแรกจะลงเรือไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนที่ชุมชนหาดสวนยา อำเภอวารินชำราบ แล้วกลับมาพบกับประชาชนที่ได้รับผลกระจากน้ำท่วมที่ศูนย์อพยพ วัดโรมัน วัดบูรพา และวัดใต้ อำเภอเมืองอุบลฯ

ขณะที่นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกเพื่อไทย บอกว่าบางพื้นที่ของอุบลฯ ถูกน้ำท่วมนานกว่า 4 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐเท่าที่ควร มีแต่หน่วยงานท้องถิ่น ช่วยเหลือเฉพาะหน้าตามยถากรรม ส่วน ส.ส.ก็ติดข้อกำหนด 180 วัน ของ กกต. แต่นายกฯที่มีอำนาจเต็มกลับลงพื้นที่แค่รับฟังปัญหา ไร้มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนที่จับต้องได้



-กระแสเรื่องการควบรวมพรรคการเมืองต่างๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงพรรคเสรีรวมไทย เมื่อวานหัวหน้าพรรคออกมาเปิดเผยว่าถูกทาบทาม แต่ยืนยันจะไม่ควบรวมพรรคกับใครแน่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเสรีรวมไทยจะมีการควบรวมกับพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ยอมรับว่ามีพรรคอื่นมาทาบทามตนไปอยู่ด้วย ทั้งพรรคเพื่อไทย ทั้งพรรคไทยสร้างไทย แต่ตนสร้างพรรคเสรีรวมไทยมา หากเราไปอยู่พรรคอื่นแล้วลูกน้องจะไปอย่างไร ตนทิ้งลูกน้องไม่ได้ ถ้าตนไปแล้วลูกน้องจะเอาเงินเดือนที่ไหนกิน-ใช้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า สำหรับตน เรายึดส่วนรวมก่อน ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ย้ายหรือไปควบรวมกับพรรคไหน ขอเดินหน้าต่อ อีกพรรคที่มีความเคลื่อนไหวเมื่อวาน คือ พรรคไทยภักดี มีการจัดงานระดมทุน และเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค ประกาศเป้าหมายการจัดงาน ว่า เพื่อระดมทุนใช้สำหรับการหาเสียงของพรรค โดยไม่พึ่งทุนสามานย์ ทุนผูกขาด จะใช้เงินที่ได้รับการสนับสนุนในวันนี้อย่างคุ้มค่าเพื่อเปลี่ยนแปลงผลักดันโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้ทั่วถึงทุกอำเภอ ปฏิรูประบบพลังงานจากผลิตภัณฑ์จากการเกษตร เพื่อให้เป็นชาติมหาอำนาจด้านพลังงาน สนับสนุนโซลาร์เซลล์ครัวเรือน และโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร แต่ไม่สนับสนุนโซลาร์ฟาร์มเพราะเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน

นพ.วรงค์ ประกาศว่า พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยภักดี เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินให้สิ้นซาก ต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงเกษตรฯ เพื่อทำให้บรรลุนโยบาย "พรุ่งนี้รวย"


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/EWs69gRJZFg

คุณอาจสนใจ

Related News