สังคม

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปืนโหด รัวยิงเพื่อนบ้านดับ ทะเลาะวิวาทปมเหม็นขี้แพะ

โดย nutda_t

18 ต.ค. 2565

9.1K views

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อพลอย รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณคอกแพะด้านหลังบ้านพัก หมู่ 10 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คือนายบุญมี วัย 74 ปี นางถวิล วัย 60 ปี และเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบ่อพลอย ไปก่อนหน้านี้แล้ว



โดยนายบุญมี ถูกยิงเข้าที่ด้านหลังจำนวน 2 นัด ต้นแขนซ้าย 1 นัด และบริเวณรักแร้อีก 1 นัด ได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ส่วนนางถวิล วัย 60 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายบุญมี และเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 7 เดือน ซึ่งเป็นหลาน ถูกยิงเข้าที่ต้นแขน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุพบรอยเลือดจำนวนหลายกองอยู่บนพื้น และยังพบรองเท้าบู๊ท รวมถึงรองเท้าของเด็กผู้หญิงเปื้อนเลือดตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน



ส่วนตัวผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายปรีชา อายุ 62 ปี เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ซึ่งได้รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมกระสุนในรังเพลิง ที่ถูกยิงไปแล้ว จำนวน 5 นัด และยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด รวมถึงกระสุนขนาด .38 ที่ถูกเตรียมเอาไว้อีก จำนวน 8 นัด



จากการสอบสวนเบื้องต้น นายปรีชา รับสารภาพว่า มูลเหตุมาจากความขัดแย้ง เรื่องที่ผู้เสียชีวิตได้มาทำคอกแพะอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งอยู่กลางชุมชน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องกลิ่นเหม็นจากขี้แพะ ตนพยายามเข้าไปคุยหลายครั้ง แต่ก็มักจะถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงทำให้เกิดความโมโห จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนมารัวยิง



เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายปรีชา มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรบ่อพลอย พร้อมดำเนินคดีใน 2 ข้อหาหนัก คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา



อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายประวิทย์ ซึ่งเป็นลูกเขยของผู้เสียชีวิตและอยู่ในช่วงเกิดเหตุ ได้ให้ข้อมูลว่า พ่อตาของตนและผู้ก่อเหตุ เคยมีปากเสียงกันเรื่องของการเลี้ยงแพะมาแล้วหลายครั้ง โดยผู้ก่อเหตุพยายามหาเรื่องว่าคอกแพะของพ่อตา ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน รวมทั้งยังมีการไปร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้านจนมีการเข้ามาตรวจสอบหลายครั้ง ซึ่งพ่อตาของตนก็พยายามแก้ไข โดยการนำเอาปูนขาวมาโรยพื้นเพื่อแก้ปัญหากลิ่นเหม็นจากขี้แพะ แต่ก็ยังคงถูกผู้ก่อเหตุต่อว่าเรื่อยมา



กระทั่งวันเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองพร้อมด้วยภรรยา รวมถึงพ่อตา แม่ยาย และหลานๆ รวม 7 คน กำลังช่วยกันซ่อมคอกแพะอยู่นั้น ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินเข้ามาต่อว่าพ่อตาของตนเรื่องคอกแพะอีก จนทำให้เกิดการโต้เถียงกัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขู่ว่าจะกลับไปเอาปืนมายิงให้ตายทั้งครอบครัว ตนเองกลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลาย จึงขับรถกระบะออกไปแจ้งตำรวจที่ป้อมตำรวจช่องด่าน ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร แต่ไม่พบตำรวจ ตนจึงโทรกลับมาหาภรรยาซึ่งยังอยู่ที่คอกแพะ จึงได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุได้กลับไปเอาปืนมารัวยิงพ่อตาและแม่ยายของตน รวมถึงหลานสาววัยขวบเศษจนได้รับบาดเจ็บ



เมื่อตนทราบเรื่อง จึงรีบขับรถกลับไปที่คอกแพะเพื่อนำตัวพ่อตา แม่ยายและหลานสาวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายพ่อตาทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนแม่ยายถูกยิงที่แขนซ้ายขณะกำลังอุ้มหลานสาววัยขวบเศษเอาไว้ในอ้อมแขน ทำให้กระสุนทะลุไปถูกหลานสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ยังโชคดีที่ภรรยาของตนและหลานอีก 2 คน วิ่งหนีเอาชีวิตรอดได้ทัน ซึ่งพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ตนมองว่าโหดเหี้ยมอย่างมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดขั้นร้ายแรงที่สุด ซึ่งตนและครอบครัวก็จะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุเช่นกัน



อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต ทราบว่า ตามปกติผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนนิสัยดี ที่ไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่สาเหตุที่มาลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะมาจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องของกลิ่นขี้แพะ ที่เคยมีปากเสียงกันมาหลายครั้ง กระทั่งครั้งล่าสุดเชื่อว่าน่าจะมีการด่าทอกันรุนแรง จนทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดขาดสติและไปหยิบปืนมาก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ