จ่อออกหมายจับ แก๊งบุกปล้นพ่อค้ากัญชา ดำเนินคดี 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมขยายผลจับยาเสพติดเพิ่ม

ตำรวจรู้ตัวกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายพ่อค้ากัญชาแล้ว 2 คน อยู่ระหว่างขออนุมัติศาลออกหมายจับ พร้อมขยายผลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดของทั้ง 2 ฝ่าย หากพบกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี



จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายชายฉกรรจ์นับ 10 คน พร้อมอาวุธปืนสั้น และ ปืนสงคราม บุกเข้าไปในแฟลตการเคหะธนบุรี 2 ถนนพระราม 2 ซอย 60 ย่านบางขุนเทียน แล้ว ทำร้ายร่างกาย นายวิวัฒน์ โรจนทรัพย์กุล อายุ 26 ปี หรือ อาร์ม พ่อค้ากัญชาได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเย็บกว่า 60 เข็มและสมองบวมจากการถูกตีด้วยด้ามปืนที่ศีรษะ และยังยิงปืนขู่ในห้อง เหตุเกิดเมื่อช่วง เวลา 5 ทุ่ม 45 ของ วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา



นอกจากนี้ กลุ่มชายฉกรรจ์ยังใช้ปืนจ่อที่ศรีษะ ลูกชายอายุ 9 ขวบของนายอาร์ม ที่ยกมือไหว้ขอชีวิตนายอาร์มจากกลุ่มชายฉกรรจ์ โดยที่กลุ่มชายฉกรรจ์ขู่ว่าหากขัดขืนจะยิงลูกนายอาร์มทิ้ง จนกระทั่งเพื่อนบ้านซึ่งได้ยินเสียง และพยายามเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ตัดสินใจวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถเก๋ง และรถกระบะหลบหนี โดยระหว่างที่วิ่งลงมายังได้ใช้ปืนขู่พ่อตาของนายอาร์ม ว่าไม่ให้มายุ่งกับเรื่องนี้นั้น



ล่าสุด พลตำรวจตรีนิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำนายอาร์มแล้ว



โดยนายอาร์มบอกเพียงว่าถูกทำร้ายร่างกายและไม่มีการพูดถึงกัญชา ยาเสพติด หรือประเด็นที่ถูกปล้นเอาพวงกุญแจรถยนต์ และแหวนทองไปแต่อย่างใด



จนกระทั่งตำรวจได้เห็นภาพกล้องวงจรปิด และขยายผลการสืบสวน จนทราบว่า ทั้งผุ้บาดเจ็บและผุ้ก่อเหตุ เป็นผู้ค้ากัญชารายใหญ่ และได้ติดต่อส่งมอบกัญชาผ่านทางออนไลน์มานานหลายปี



วันเกิดเหตุ ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ได้มาติดต่อรับกัญชา 100 กิโลกรัมกับทางผู้เสียหาย แต่อาจมีปัญหาบางอย่าง เช่น จำนวนกัญชาไม่ครบตามที่ตกลง จึงเรียกพวกที่อยู่ข้างล่างพร้อมอาวุธขึ้นมารุมทำร้าย ซึ่งตำรวจพบกัญชาอยู่ในห้องของนายอาร์มประมาณ 80 กิโลกรัม



สำหรับฝั่งผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นตามภาพวงจรปิดมีทั้งหมด 6 คน ทราบชื่อแล้ว 2 คน อยู่ในระหว่างขอศาลออกหมายจับ ซึ่งการข่าวพบว่าทั้งสองคนอยู่ออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครไป



ส่วนอีก 4 คนอยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งตำรวจยืนยันว่า คดีนี้ไม่ใช่เพียงคดีทำร้ายร่างกายทั่วไป แต่จะต้องขยายผลไปถึงเรื่องของยาเสพติดด้วย หากพบว่าทั้งสองฝ่ายกระทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุกลุ่มเดียวกันกับที่เคยอุ้มผู้เสียหายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาหรือไม่ และมีผู้มีสีที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่



ส่วนกระแสข่าวที่ว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้าเข้ามาก่อเหตุนั้น ยืนยันว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ไม่พบวิถีกระสุนและร่องรอยการตกกระทบของกระสุนปืน และมีเพียงเศษกระสุน Blank gun ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ



ที่เหลือเป็นร่องรอยการพังประตูเข้าไป ดังนั้น ที่ชาวบ้านได้ยินเสียงปืน อาจจะเป็นไปได้ว่ายิงขึ้นฟ้า ส่วนรถฮอนด้าแจ๊สสีขาวที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้ ทราบว่าเป็นรถคนอื่นที่สวมป้ายทะเบียน ซึ่งจะมีการเรียกเจ้าของรถมาสอบปากคำ ทั้งนี้หลังเกิดเหตุตำรวจได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะที่ผุ้เสียหายแจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายเท่านั้น



มีรายงานว่าในช่วงเย็นวันนี้ (17 ต.ค. 65) ผู้เสียหายและทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จะไปพบพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ เพื่อแจ้งความในข้อหาปล้นทรัพย์

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/470NZUMoU1Q