สมาคมทนายความ ออกโรง ปมดรามา 'เดี่ยว13' ชี้ เป็นเสรีภาพปชช.แสดงความเห็น

สมาคมทนาย แสดงความเห็น ปมดรามา 'เดี่ยว 13' ชี้ เป็นการเเสดงความเห็น ไม่ใช่เรื่องเท็จใส่ร้าย ประชาชนย่อมมีสิทธิตรวจสอบวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ตามรัฐธรรมนูญ ขออย่าใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีคนเห็นต่าง



วันนี้ (14 ต.ค. 65) เวลา 16.27 น. เฟซบุ๊ก 'สมาคมทนายความ' โพสต์ แสดงความเห็น ปมดรามา เดี่ยว 13 ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยระบุว่า...



"ตามที่เกิดประเด็นเกี่ยวกับ การแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 ของคุณ "โน้ต อุดม แต้พานิช" บางส่วนที่เป็นการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ล้มเหลว ซึ่งก็มีประชาชนแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อันนำไปสู่ประเด็นที่มีบุคคลอ้างว่า การกระทำของ คุณ "โน้ต อุดม แต้พานิช"  ไร้เหตุผล ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน และผิดกฎหมาย



สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560  มาตรา 34 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อสารความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้



อีกทั้ง "รัฐบาล" หรือ "นายกรัฐมนตรี" เป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนได้ ประกอบกับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ยังสอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนที่เห็นด้วยส่วนใหญ่ ที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตย ตลอดจนเป็นผู้เสียภาษีให้กับรัฐ ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา จึงย่อมมีสิทธิตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์



สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า "รัฐบาล" ควรปล่อยให้ประชาชนได้มีการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลหรือ "นายกรัฐมนตรี" ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบใด และสำคัญที่สุด รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง อันจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ความขัดแย้ง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงแบบไม่จบสิ้น



กรณีดังกล่าว น่าจะเป็นประโยชน์และอุทาหรณ์ ให้เห็นว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม ซึ่งประชาชนเหล่านั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้กฎหมายเดียวกัน มิได้สร้างความขัดแย้งหรือก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทย เพราะเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตนั้นเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน"