ตามรวบ 2 สาวแสบ ทำทียืมมือถือพระ ก่อนฉกหนี ก่อเหตุโชกโชน ผู้เสียหายสุดทนปรี่ตบหน้า

ตำรวจท่าเรือ แกะรอยกล้องวงจรปิด ตามรวบสองสาวแสบ ก่อเหตุทำทีขอยืมโทรศัพท์พระ อ้างจะโทรหาแม่ ก่อนขึ้นรถขี่หลบหนีได้แล้ว พบก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เจ้าตัวอ้างหาเงินซื้อนมเลี้ยงลูกอ่อน ด้านผู้เสียหายสุดทนปรี่ตบหน้า จนหวิดวางมวยญาติผู้ก่อเหตุกลางโรงพัก

ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณวัดท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และจากพื้นที่ใกล้เคียง ที่บันทึกภาพของสองสาวแสบ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าดรีม หลบหนี หลังเข้าไปทำทีขอยืมโทรศัพท์มือถือ ของพระมณฑา ลักขะโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าเรือ ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไปอย่างหน้าตาเฉย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าเรือ ใช้ในการออกติดตามจับกุมตัวสองสาวแสบ มาดำเนินคดี

กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นางสาวศุจิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี และ นางสาววิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี โดยผู้ก่อเหตุทั้งสองคน รับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุชิงโทรศัพท์มือถือของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าเรือไปจริง

จากการเค้นสอบ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนยอมรับว่า ได้ก่อเหตุมาแล้วรวมสี่ครั้ง

โดยครั้งที่ 1 ก่อเหตุชิงโทรศัพท์มือของเด็กนักเรียนที่บริเวณป้ายรถเมล์ ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา วันที่ 22 กันยายน

ครั้งที่ 2 ก่อเหตุที่ร้าน ค.ทุเรียนท่าเรือสายนอก วันที่ 23 กันยายน

ครั้งที่ 3 ที่วัดท่าเรือ วันที่ 1 ตุลาคม

และครั้งที่ 4 ก่อเหตุที่ศาลเจ้าตึกโพรงไม้ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

หลังทราบข่าวการจับกุม ผู้เสียหายที่เคยถูกสองสาวแสบก่อเหตุ ได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย โดยในระหว่างการชี้ตัว ผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงได้เดินเข้าไปตบหน้าผู้ต้องหา จนเกิดมีปากเสียงกับญาติของผู้ต้องหา เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องแยกให้ไปอยู่คนละห้องเพื่อลดแรงปะทะระหว่างผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย

โดยผู้เสียหายที่ลงมือตบหน้าผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า สาเหตุที่โกรธจัด จนลงมือตบหน้าเป็นเพราะข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์มือถือที่ถูกขโมยไป ถูกลบออกไปจนหมดและไม่สามารถกู้คืนมาได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้น มีมูลค่ามากจนทำให้ตนโมโหจัดและก่อเหตุไม่สมควรไป

ขณะที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองราย อ้างว่า ที่ลงมือก่อเหตุด้วยกัน ก็เนื่องมาจากพวกตนทั้งสองคนตกงาน แถมยังมีลูกเล็กต้องเลี้ยง จึงตัดสินใจตระเวนก่อเหตุ เมื่อได้โทรศัพท์มือถือมา ก็จะนำไปขายเพื่อหาเงินมาซื้อนมและผ้าอ้อมเลี้ยงลูก ซึ่งหลังจากนี้ ก็จะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์ และได้ทำการตรวจปัสสาวะ มีผู้ต้องหา 1 คน คือนางสาววิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี มีผลเป็นบวก จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มคือ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฏหมาย จึงได้ส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป