เลือกตั้งและการเมือง

คนการเมืองร่วมวางพวงมาลาคับคั่ง จัดงาน 46 ปี "6 ตุลา" ไร้เงาฝ่ายรัฐบาล เชื่อยังมีความหวังขับเคลื่อนต่อ

โดย kanyapak_w

6 ต.ค. 2565

152 views

งาน 46 ปี 6 ตุลา คนการเมืองร่วมวางพวงมาลาคับคั่ง ไร้เงาฝ่ายรัฐบาล “อนุสรณ์” นิสิต-นักศึกษายังไม่ตายจากซ่อมสมรภูมิการเมืองไทย เชื่อยังมีความหวังขับเคลื่อนต่อ


(6 ต.ค.65) เครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 6 ตุลา จัดงานรำลึก 46 ปี 6 ตุลา ที่ บริเวณลานปฏิมานุสรณ์ 6 ตุลา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยช่วงเช้าเป็นพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 19 รูปจาก นั้นจากมีพิธีสดุดีวีรชน 6 ตุลาโดยมีการอ่านรายชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก่อนจะมีการวางดอกไม้พวงมาลาดอกไม้จากตัวแทนพรรคการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านและเครือข่ายภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆอาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกือ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุรย์เดช นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เครื่องมาพร้อมส.ส. ของพรรคบางส่วน รวมถึงนางสาวพรรณิการ์ วานิช นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ และแกนนำจากกลุ่มราษฏร เป็นต้น



นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 46 ปีที่ผ่านมาได้บทเรียนอันล้ำค่าทั้งบวกและลบ โดยด้านบวกมองว่าแม้จะเป็นความสูญเสียจากการเรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย แต่การจัดงานรำลึกก็ทำให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาและรำลึกถึงเหตุการณ์




ขณะเดียวกันข้อเท็จจริงหลายเรื่องก็ค่อยๆเปิดเผยออกมาทำให้หลายคนสัมผัสและจับต้องได้ และทำให้ประชาชนรุ่นหลังรู้จักปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้ได้มาเพื่อประชาธิปไตยโดยต้องไม่เกิดการสูญเสีย มีการเรียกร้องประชุมมาตลอดแต่ความเป็นประชาธิปไตยกลับถอยหลัง โดยเฉพาะจากกรณีการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงประชาชนจำนวนมากจะออกมาใช้สิทธิ์เพื่อทวงคืนอำนาจประชาธิปไตยอย่างจริง




นายพิธา กล่าวว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา คือบทเรียนที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นนำไทย ที่มองประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเป็นภัยความมั่นคง โดยใช้สถาบันหลักเป็นเงื่อนไขในการปราบปราม และทำรัฐประหาร ฉะนั้น ต้องทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวกับคดีความมั่นคง และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมทั้งมีข้อเสนอให้คืนความเป็นธรรมให้คนที่โดนยัดคดีทางการเมืองทั้งหมด อย่างน้อยตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นมา และการตามหาความจริงไม่ให้เกิดวัฒนธรรมลอยนวลจากคนที่เข่นฆ่าประชาชน ไม่เช่นนั้นความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น



น.ต.ศิธา กล่าวว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นบทเรียนที่นักการเมือง ประชาชน และผู้มีอำนาจรัฐ ควรนำมาทบทวนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุมาจากการไม่ฟังเสียงประชาชน ใช้กำลังอำนาจกดหัวประชาชน และการเขียนกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งถือเป็นเรื่องเปราะบางต้องระมัดระวัง



ขณะนายอนุสรณ์ อดีตคณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ภาพจำของเหตุการณ์ 6 ตุลา คือ ภาพการสังหารนิสิต นักศึกษา อย่างโหดร้ายผิดมนุษย์ และสร้างความทรงจำร่วมให้สังคมไทยว่า ในเวลาหนึ่งนิสิต นักศึกษา เคยเป็นหัวขบวนในการเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตย วันนี้ผ่านมา 4 ทศวรรษ นิสิต นักศึกษา กลับมาเป็นหัวขบวนทางการเมืองอีกครั้ง เป็นการสร้างความหวังให้ฝ่ายที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่อีกด้านการกลับมาของนิสิต นักศึกษา สร้างความหวาดวิตกให้ฝ่ายผู้ปกครอง ที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่การเคลื่อนไหวมีข้อเสนอโดยตรงต่อผู้ปกครองของประเทศนี้



แต่การใช้มาตรการรุนแรงกับการชุมนุม และการตั้งข้อหาผู้ชุมนุมกว่า 1,800 ราย ส่งผลให้ผู้ต้องการความเปลี่ยนแปลงบางส่วนท้อแท้สิ้นหวัง ขณะที่อีกฝ่ายลำพองใจว่านิสิต นักศึกษา คงสร้างความระคายเคืองได้เท่านี้ แต่ก็อาจจะเร็วเกินไปที่เราจะสิ้นหวังหรือลำพองใจ เพราะเยาวชนหนุ่มสาวยังไม่หายไปไหน ยังไม่ตายไปจากสมรภูมิการเมืองไทย สาเหตุเพราะการที่เขาลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวไม่ได้เกิดจากการชี้นำของใคร เขายังจะยังเป็นพลังท้าทายผู้ปกครองจนทุกวันนี้ ด้วยยังมีเงื่อนไขจากความฉ้อฉลของผู้มีอำนาจ



โดยเฉพาะล่าสุดจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายกฯ ยังอยู่ในตำแหน่ง เป็นการตอกย้ำว่าลำพังกลไกรัฐสภา และองค์กรอิสระ ไม่สามารถทำให้ผู้มีอำนาจเหล่านี้หลุดลอดออกไปได้ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องขับเคลื่อนต่อไป



ขณะที่สนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีการ ปิดกั้นพื้นที่ พร้อมป้ายประกาศเขตก่อสร้างห้ามเข้า เพื่อปรับพื้นของสนามจึงไม่สามารถเข้าไปจัดกิจกรรมได้ทำให้ ผู้จัดงาน 6 ตุลา นำป้ายมาติดทับไว้ซึ่งมีข้อความ “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาปเราไม่ได้ฆ่าคนแต่ฆ่ามารซึ่งเป็นหน้าที่คนไทยทุกคน”







คุณอาจสนใจ

Related News