GISTDA เผย โนรูทำน้ำท่วมไทยแล้วกว่า 1.82 ล้านไร่ คาด 3 สัปดาห์ อีสานน้ำลด

อิทธิพลจากพายุโนรูแม้จะอ่อนตัวเป็นดีเปรสชั่นแล้วก็ส่งผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมเดิมในภาคอีสาน โดยจิสด้า เผยภาพพื้นที่น้ำท่วมขังและ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน หลังพายุโนรู เข้าไทย มีพื้นที่น้ำท่วมแล้วกว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ กระจายใน 23 จังหวัด



ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุโนรูล่าสุด ที่จิสด้านำข้อมูลจากดาวเทียมฮิมาวาริ 8 ของญี่ปุ่นมาเปิดเผย โดยขณะนี้พายุได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้วทันทีที่เข้าไทยเมื่อช่วง 4 ทุ่มของวานนี้ และมีการคาดการณ์ว่าศูนย์กลางของพายุจะพัดผ่านจังหวัดชัยภูมิในช่วง ตี 1 ของวันที่ 30 กันยายนจากนั้นจะเคลื่อนสู่จังหวัดสุโขทัยในช่วงเวลา 1 ทุ่มของวันพรุ่งนี้ และจะสลายตัวภายในประเทศไทย



จิสด้า ได้วิเคราะห์สถิติน้ำท่วมและคาดการณ์ปริมาณฝนตก ช่วงพายุโนรูเคลื่อนเข้าไทย ระหว่างวันที่ 29 – 30 กันยายน มี 23 จังหวัด 154 อำเภอ ตั้งแต่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจนถึงภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงพื้นที่ภาคกลาง มีความเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มเจ้าพระยา ลำน้ำสายรองต่างๆ ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำ ชุมชนที่อยู่อาศัย และเส้นทางคมนาคม



ซึ่งโซนพื้นที่สีน้ำเงินคือจุดที่มีน้ำท่วมขังอยู่แล้ว ขณะที่โซนสีแดงคืพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมรวมประมาณ 1 ล้าน 8 แสน 2 หมื่นไร่ และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์มวลน้ำในภาคอีสานทั้งหมดนี้จึงจะค่อยๆ ลดระดับลง



สถานการณ์ในพื้นที่ที่พายุโนรูเคลื่อนผ่าน ระดับแม่น้ำชี ในตำบลดอนโอง จังหวัดร้อยเอ็ด เพิ่มขึ้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงต่อเนื่องในอีก 2-3 วันนี้ จากมวลน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำปาว และพื้นที่จังหวัดชัยภูมิที่จะไหลมาสมทบ โดยพื้นที่ดอนโองถูกน้ำท่วมขังมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้ทั้งชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม



ส่วนที่ขอนแก่น คันดินกั้นลำห้วยใหญ่ ในพื้นที่บ้านโคกนางาม หมู่2 และ หมู่ 12 ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่ขาดไปเมื่อวานนี้ สำนักงานชลประทานที่ 6 และเทศบาลตำบลสำราญ ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าซ่อมแซมในจุดที่คันดินขาดแล้ว



โดยวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนแผนมาใช้กำแพงเหล็กกั้นดินและแนวป้องกันน้ำแทนการใช้ถุงบิ๊กแบ็ก ที่ไม่สามารถต้านทานแรงน้ำได้ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้



นายณัฐวรรธน์ ถิระวณิชยางกูล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย ยืนยันน้ำจากลำห้วยใหญ่ ที่ทำคันดินขาดในครั้งนี้จะไม่ไหลเข้าสู่ตัวเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพราะน้ำจะไหลไปตามทางธรรมชาติ และสุดท้ายจะลงที่ห้วยพระคือ ซึ่งมีประตูระบายน้ำ ดี 8 ระบายออกไป แต่ที่ยังต้องเฝ้าระวังคือที่คันคลอง 3 แอล จุดที่น้ำ 3 สายมาบรรจบกัน คือ ลำน้ำชี ลำน้ำพอง และน้ำจากเมืองขอนแก่น ซึ่งอาจทำให้คันดินขาดได้ จึงจัดเจ้าหน้าที่พร้อมทีมช่างเข้าเวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง



หากเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำระหว่าง ปี 2564 และ 2565 จะเห็นได้ว่าน้ำในปี 65 มาเร็วกว่าปี 64 คือ เริ่มมีน้ำท่วมขังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม



แต่ในเดือนกันยายน ปี 2564 มีน้ำท่วมขังอยู่ กว่า 5 ล้าน 6 แสนไร่ เยอะกว่าปี 65 ที่มีอยู่ 4 ล้าน 2 แสนไร่ ถึงกว่า 1 ล้านไร่ นอกจากนี้หากเทียบกับปี 2554 ก็ยังถือว่าปริมาณน้ำน้อยกว่ามาก เนื่องจากปีนั้นมีพื้นที่น้ำท่วมมากถึงกว่า 15 ล้าน 9 แสนไร่ โดยจิสด้ายืนยันยังมีทุ่งรับน้ำเพียงพอ เพราะขณะนี้เพิ่งใช้ไปเพียง 12% เท่านั้น



เมื่อเวลา 19.00น.ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์พายุโนรู โดยระบุว่า พายุดีเปรสชัน "โนรู" มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลทำให้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มต่อไปอีก 1 วัน