เลือกตั้งและการเมือง
ฝนถล่มหนัก! คณะ ‘บิ๊กป๊อก’ เปลี่ยนเส้นทางบินกะทันหัน ลงพื้นที่ถกรับมือพายุโนรู
โดย nicharee_m
28 ก.ย. 2565
83 views
คณะ มท.1เปลี่ยนเส้นทางบินกระทันหัน จากอุบลราชธานีลงพิษณุโลก ประชุมผู้ว่าฯ จังหวัดเสี่ยงภัยรับมือพายุโนรู
ตามกำหนดการเดิม พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ตรวจติดตามความพร้อมรับสถานการณ์พายุโนรู ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึง 1 ตุลาคมนี้ เนื่องจากในบางพื้นที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำ ป่าไหลหลาก ดินโคนถล่ม
ก่อนที่คณะจะออกเดินทาง เจ้าหน้าที่จากกองทัพอากาศ ได้รายงานสภาพอากาศ ที่จ. อุบลราชธานี พบว่าเช้าวันนี้ มีฝนตกหนัก ลมแรง ทำให้ต้องเลื่อนเวลาเดินทางออกไป ที่จากเดิมนัดหมายออกเดินทางในเวลา 08.00 น. ต้องรอให้สภาพอากาศเปิดเอื้อต่อการทำการบิน จึงจะนำเครื่องบินขึ้นบินจาก ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง
ใช้เวลารอกว่า 40 นาที ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า จะเปลี่ยนเส้นทางการบิน จากเดิมจะต้องไปลงที่ จ.อุบลราชธานี แต่จะเปลี่ยนไปลงที่ สนามบินขอนแก่นแทน เนื่องจากที่ จ.อุบลราชธานี มีในตกหนักต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ดังนั้น จะใช้วิธีการวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์จากศาลากลาง จ.ขอนแก่น ไปยัง จ.อุบลราชธานี และทุกจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ปรากฎว่า จ.ขอนแก่น ก็มีฝนตกหนักเช่นกันเกรงว่าขากลับจะไม่สามารถทำการบินได้ จึงเปลี่ยนที่หมายใหม่ ไปประชุมที่ศาลากลาง จ.พิษณุโลก แทน
โดย พลเอกอนุพงษ์ กำชับทุกจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามสถานการณ์พายุ เพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และช่องทางการติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งเครือข่ายวิทยุอาสาชุมชน
ขณะเดียวกัน ให้ดำเนินการตามแผนประเชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้กำหนดไว้แล้วของแต่ละพื้นที่ตามภารกิจและหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ชัดเจน โดยให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ชุดเครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำลำคลอง ให้รวดเร็วที่สุด พร้อมจัดชุดปฏิบัติการ เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ ด้วย
และเมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยขึ้น ให้จัดชุดปฏิบัติการเร่งเข้าพื้นที่ดูแลประชาชนในทุกด้าน ตลอดจนการตั้งศูนย์พักพิง โรงครัวพระราชทานในการประกอบเลี้ยง แจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และหากมีแนวโน้มสถานการณ์รุนแรงขึ้น ให้อพยพประชาชนไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ และจะต้องรายงานสถานการณ์ให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบ ผ่านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน