สังคม

อดีตแฟนเก่าบุกห้องพักเปิดใจทั้งน้ำตา ก่อนอุ้มเมียหนี ผู้เสียหายถอนแจ้งความ

โดย kanyapak_w

22 ก.ย. 2565

7.7K views

(22 ก.ย.) ที่จังหวัดนครปฐม อดีตแฟนเก่าบุกพังร้านขายของชำ ก่อนอุ้มเมียหนีหาย หลังผู้เสียหายให้ถอนแจ้งความ


ทีมข่าว คุณสิทธิกร ปรักกัมนนท์ ลงพื้นที่เกิดเหตุ ถนนลาดบัว หมู่ 1 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม



ตรวจสอบพบ บริเวณบ้านมีรอยถูกทุบจนประตูพังเสียหาย ซึ่งทางครอบครัวได้นำอุปกรณ์มาปิดไว้ชั่วคราว และมีไม้ไผ่ขนาดกว่า 1 เมตรตกอยู่หนึ่งอัน ทราบชื่อผู้สูญหาย คือ นางสาววิศรุตา หรือนางสาวอุ๋ม อายุ 49 ปี



สอบถาม คุณแม่เฉียบ แม่ของนางสาวอุ๋ม เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เปิดเผยว่าตนเองรู้ว่าลูกสาวคบกับนายโจ้มาร่วม 4-5 ปี มาแล้ว โดยพักหลังที่ผ่านมา ประมาณ 3-4 เดือนให้หลังรู้ว่าลูกสาวของตนเองตีตัวออกห่าง และมาบ่นกับตนเองว่า อยากเลิกรากับนายโจ เนื่องจากนายโจไม่ทำงาน และติดยาเสพติด ตนเองก็เห็นด้วย แต่ไม่คิดว่านายโจจะบุกมาลักพาตัวลูกสาวของตนเองไป พอทราบเรื่องก็ตกใจ จึงเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สามพราน แต่พอหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปแล้ว ตนเองมีโอกาศได้พูดคุยกับลูกสาว ลูกสาวบอกให้ถอนแจ้งความ ตนเองในฐานะเป็นแม่ ใจก็ไม่อยากให้ทั้งคู่กลับมาคบหากัน อยากให้เลิกแล้วต่อกัน เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มันหนักเกินไป



ต่อมาทีมข่าวพูดคุยกับ นายจีระวัฒน์ อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุ ร่ำไห้และเปิดใจกับทีมข่าวเที่ยงวันทั้งน้ำตา ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า



ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่คบหากันมา ตนรู้สึกเครียดและกดดันมาตลอด ตนพยายามเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อมาหาเมียที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งตั้งแต่ช่วงแรกที่คบกัน ทราบอยู่แล้วว่าเมียมีปัญหาเรื่องหนี้สิน ตนได้พยายามหาเงินมาใช้หนี้ให้ กว่า 300,000 บาท



ซึ่งที่ผ่านมา ตนก็ไม่รู้ว่าผิดอะไร แต่โดนทั้งคำพูดดูถูกและเหยียดหยาม ตนเคยให้พ่อแม่และครอบครัวมาง้อเมีย และเคยยอมกราบเท้าเมียเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น



และนายจีระวัฒน์ ยอมรับว่า ตนเคยเกเรมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ตนก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สำมะเลเทเมา โตแล้วก็อยากมีครอบครัวอยากสร้างครอบครัวที่ดี ทุกครั้งที่ตนจะเข้าไปพูดคุยเจรจากับเมีย จะรู้สึกกดดันทุกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่ไปหาที่ร้านเมียก็มักจะปิดร้านหนี เคยเข้าไปพูดคุยเจรจาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เมียก็ไม่คุย ตนก็น้อยใจและระแวงต่าง ๆ นา ๆ อยากจะพูดคุยด้วย แต่แม่ของผู้สูญหายก็ไม่เป็นกลาง ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดและอึดอัด และนี่ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่ตนเจอ



นอกจากนี้บอกอีกว่า ในวันเกิดเหตุ ยืนยันว่า ไม่ได้คิดอยากจะทำร้าย เพียงแต่อยากจะดึงออกมาพูดคุยกัน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปคิดอยู่แล้วว่า สิ่งที่กำลังจะทำเป็นสิ่งที่ผิด แต่ยอมทำผิดกฏหมาย เพื่ออยากเคลียร์ และ ก่อนหน้านี้ก็เคยเอาชีวิตไปแลก (ยาเสพติด) ยอมทำผิดกฏหมายเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้เมียแล้ว เกือบ 300,000 บาท



ซึ่งในวันเกิดเหตุ ตนพาน้องชายไปด้วย โดยบอกเพียงว่า "ไปเพื่อนพี่หน่อย" แต่ไม่ได้บอกน้องว่าไปทำอะไร ยืนยันว่า ไม่ได้อุ้มฆ่า เนื่องจากหากคิดแบบนั้นจริง ตนมีโอกาสให้ทำได้หลายครั้ง เพียงแค่อยากพูดคุยเจรจากับแฟนเพียงสองคนเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่จะไปเคลียร์แฟนมักหนีตลอด



ตนส่งข้อความหาเมียเป็นพันเป็นหมื่นข้อความ เมียก็ไม่ตอบแชตและไม่อธิบาย จนรู้สึกเครียดและกดดัน



อย่างไรก็ตาม อยากขอโทษกับสังคม ยอมรับว่าสิ่งที่ตนทำมันรุนแรง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าให้ตายและฝากขอโทษกับครอบครัวด้วย และอยากให้รู้ว่า "ความรู้สึกของคุณอย่ามาล้อเล่น ผู้ชายคนหนึ่งตั้งใจทำเพื่อคุณ อย่าทำให้รู้สึกว่าไม่มีค่า คนเรารักกันควรหันหน้าพูดคุยกัน อย่าหนีปัญหา"



ขณะเดียวกันในรายการโหนกระแสวันนี้ (22 ก.ย.) คู่กรณีทั้งสองได้มาให้สัมภาษณ์ในรายการ กรณีเรื่องในเหตุการณ์ตอนที่ถูกแฟนหนุ่มบุก นางสาวอุ๋มบอกว่า วันนั้นถูกล็อกคอ และถูกเหยียบที่หน้า โดนทำร้ายร่างกายจริง



ด้านนายโจ เผยทั้งน้ำตาถึงสาเหตุการก่อเหตุดังที่กล่าวไปในข้างต้น ส่วนเรื่องที่เหยียบเท้าเนื่องจากเหตุการตอนนั้นฉุกละหุก และอาจจะไปโดนเพราะเหตุการณ์วุ่นวาย ยอมรับว่าทำไปรุนแรง แต่เพราะเราได้รับความกดดันจากการออกไปทำงานให้ภรรยา



ส่วนเรื่องกราบเท้า ทางด้านของนางสาวอุ๋มบอกว่า เขาไม่เคยทำ มีแต่จับ อย่างเดียวและตนไม่ต้องการให้นายโจมากราบด้วย 



คุณอาจสนใจ

Related News