2 พี่น้องเปิดปากสารภาพ จัดฉากชิงเงินบริษัทกว่า 3 ล้าน ต้องการนำไปสร้างตัว

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวถึงการจับกุม นายจตุพล อายุ 27 ปี และ น.ส.ประภาภรณ์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ เป็นเงินสดจำนวนกว่า 3.4 ล้านบาท ว่า คดีนี้คนร้ายลงมืออุกอาจตอนกลางวัน เวลาประมาณ 11.55 น. วันที่ 20 ก.ย. ขณะที่ นายกฤษชพัฒน์ คนขับรถ และ น.ส.ประภาภรณ์ พนักงานบัญชีของบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ ได้มาเบิกเงินที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านบึง จำนวน 3,500,000 บาท แบ่งใส่กระเป๋าเป้ 3,460,000 บาท โดยน.ส.ประภาภรณ์ เป็นผู้ถือกระเป๋า ขณะที่นายกฤษชพัฒน์ เป็นผู้ถือ และใส่กระเป๋าสะพายที่มีเงิน 40,000 บาท ก่อนที่ทั้งสองคนได้นำเงินเดินไปที่จอดรถที่อยู่ด้านหลังธนาคาร



ขณะที่อยู่บนรถ ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดข้างรถ แล้วใช้อาวุธปืนออกมาข่มขู่และชกต่อย นายกฤษชพัฒน์ พร้อมกับด่าว่าเป็นชู้กับเมียคนร้าย นายกฤษชพัฒน์ จึงได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีไป คนร้ายจึงได้หยิบเอากระเป๋าเป้ซึ่งมีเงิน 3,460,000 บาท ที่วางอยู่บนรถ ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนขี่ไปจอดทิ้งไว้ในป่าข้างถนน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้ครอบครองรถคือ นายจตุพล ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของน.ส.ประภาภรณ์ หลังเกิดเหตุ น.ส.ประภาภรณ์ ก็ได้หลบหนีไป จึงวิเคราะห์ว่าทั้งสองคนรู้เห็นกันในการก่อเหตุชิงทรัพย์ในครั้งนี้



เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจค้นพบเงินสดที่ได้จากการกระทำความผิด รวม 3,263,500 บาท และโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง



โดย น.ส.ประภาภรณ์ ให้การยอมรับว่า รู้เห็นกับ นายจตุพล น้องชายที่มาก่อเหตุชิงทรัพย์ในครั้งนี้ เหตุผลที่ร่วมกันก่อเหตุมาจากต้องการช่วยเหลือน้องชายหาเงิน เนื่องจากน้องชายเป็นหนี้ไฟแนนซ์รถอยู่ และต้องการเงินไปสร้างเนื้อสร้างตัวกัน



ส่วน นายจตุพล ยอมรับว่า เห็นโอกาสที่จะสามารถเอาเงินได้ พี่สาวจึงมาบอกให้มาทำทีชิงเงิน โดยนัดหมายเวลาที่ชัดเจนล่วงหน้า



ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีมูลเหตุจูงใจ เพราะอยากได้เงินไปก่อร่างสร้างตัวในวิธีการผิดๆ จึงต้องหมดอนาคต ทั้งที่ 2 คน ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน