'จุรินทร์' เดินสายออนทัวร์ มั่นใจ เลือกตั้งกทม.ครั้งหน้า ปชป.คัมแบ็ก!

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จุรินทร์ออนทัวร์ “กทม.” และตรวจเยี่ยมโครงการ “คาราวานพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน : Lot 20” ณ โรงเรียนสอนศาสนาศาสนูปถัมภ์ คลองเคล็ด แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้มีว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตประเวศ - สวนหลวง นายกิตพล เชิดชูกิจกุล และนายธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล ส.ก.กทม. ลงพื้นที่ด้วย ซึ่งนายจุรินทร์ ขอบคุณประชาชนที่เลือกส.กในนามพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ยังได้มอบถุงน้ำใจประชาธิปัตย์ ในนามมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

โดยนายจุรินทร์ กล่าวถึงความพร้อม การวางตัวผู้สมัครในพื้นที่ กรุงเทพมหานครว่า ใกล้แล้วเสร็จ มีเพียงอีก 3 เขตการเลือกตั้งใหม่ ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมมีอยู่ 30 เขต เป็น 33 เขต และมั่นใจว่าจะได้ส.ส.กทม. จากเดิมที่ไม่มี เพราะจากการเลือกตั้งส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ สก. 9 คน และคะแนนส.ก.อีกหลายเขตก็เป็นที่ 2 รวมไปถึงคะแนนผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นลำดับที่ 2 แต่ไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ ว่าผลการเลือกตั้งทั้งส.ก.และผู้ว่ากทม. จะได้ส.ส. ในสมัยหน้ากี่คน แต่มั่นใจว่าพื้นที่ กทม.จะมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะกระแสความนิยมในกทม.ดีขึ้น และได้รับการตอบรับจากประชาชน จากนโยบายและผลงาน พร้อมมั่นใจพื้นที่กทม. ประชาธิปัตย์ จะคัมแบ็กอย่างแน่นอน ซึ่งในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยได้ส.ส.กทม.เกือบยก กทม.มาแล้ว

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีว่า เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า นายกรัฐมนตรีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้ระบุไว้ชัดเจน ว่า ให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งไว้แล้ว เรียงตามลำดับ รองนายกรัฐมนตรี และขณะนี้พลเอกประวิตร ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี การบริหารราชการแผ่นดิน ยังเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

พร้อมกับยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นรัฐบาลผสม พรรคร่วมรัฐบาล ยังปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีใครทราบล่วงหน้า

ส่วนที่มีข้อสงสัยในเรื่องอำนาจรักษาการ นายกรัฐมนตรี ว่าการจะพิจารณาแต่งตั้ง ข้าราชการ หรือในเรื่องการอนุมัติงบประมาณ จะต้องขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี จะต้องไปขออำนาจ ครม.เพื่อตั้งรักษาการให้มีอำนาจเต็ม นายจุรินทร์กล่าวว่า มีการขออำนาจ ครม.แล้ว ในการตั้งรักษาการนายกรัฐมนตรี และมองว่า ตราบใดที่คำสั่งเดิมยังไม่เปลี่ยนแปลงก็คงจะเป็นไปตามนั้น


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการปรับครม.ขณะที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในวันที่ 14 กันยายน 2565 ว่าจะต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ จากคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา อาจจะทำให้มีการปรับครม.พรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันโควตา รัฐมนตรีเดิมหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่ายังไม่อยากพูดล่วงหน้า เพราะยังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ขอให้รอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร ก็จะมีคำตอบด้วยตัวของมันเอง แต่ขณะนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ข้อตกลงโควตาตำแหน่งรัฐมนตรียังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการร่วมรัฐบาลผสม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการเตรียมพร้อมการเลือกตั้งว่า หากรัฐบาลอยู่ครบวาระนับระยะเวลาแล้วเหลืออีก 7 เดือน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีการเตรียม ความพร้อมเยอะแล้ว และลงพื้นที่คาราวานก่อนพรรคการเมืองอื่นมาสักพักแล้ว จึงมีความพร้อมในเรื่องผู้สมัครยุทธศาสตร์ และมีความพร้อมในเรื่องนโยบาย ที่นำเสนอผลงานต่อประชาชน 3 ปีเศษ ที่พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล มีผลงานจับต้องได้เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุดอีกพรรคการเมืองหนึ่ง และเป็นที่ยอมรับของประชาชน เราจึงพร้อมทุกสถานการณ์ และมองเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกพรรคการเมืองจะลงพื้นที่ เพราะถือว่าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว หรือหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เราก็มีความพร้อม และจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์ก็จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/2CccdcjyOEY