สังคม

เปิดเส้นทางคดี 'เอกราช' และพวก โกงเงินสหกรณ์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท ก่อนผันตัวเล่นการเมือง

โดย panwilai_c

27 ส.ค. 2565

461 views

เมื่อ 2 วันก่อน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศของสำนักงานป้องกันและปราบบรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. เพื่อเตือนให้ผู้เสียหายรีบยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์ จากการ กระทำความผิดมูลฐาน ของ ป.ป.ง. ที่มีอำนาจพิจารณายึดหรืออายัดทรัพย์ และกรณีนี้ผู้ที่ถูกอายัดทรัพย์ คือ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่เพิ่งย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ และพวกรวม 5 คน เป็นความผิดที่เกิดขึ้น ขณะเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด โดยถูกฟ้องว่ายักยอกเงิน 431 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มีเอกสารเส้นทางการเงินเป็นหลักฐาน ติดตามย้อนรอยเส้นทางคดี



นายเอกราช ช่างเหลา หนึ่งในแกนนำสส.สายอีสาน พรรคพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย เป็นหนึ่งใน 5 คน ที่ถูกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นฟ้อง 2 ฐานความผิด คือยักยอกทรัพย์จำนวน 431 ล้านบาท และปลอมแปลงเอกสาร ทั้งการลงชื่อเบิกจ่ายเงินดังกล่าวจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าบัญชีส่วนตัว รวมถึงปลอม แปลงเอกสารแสดงบัญชีสหกรณ์



กรณี้นี้ถูกเปิดเผยตั้งแต่กลางปี 2562 เมื่อประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ระบุว่ายอดเงินที่เหลือในบัญชีธนาคาร กับในรายงานรายรับ รายจ่ายประจำปี ไม่ตรงกัน เพราะมีเงินหายไปถึง 431 ล้านบาท เมื่อตรวจสอบไปที่ธนาคารเจ้าของบัญชี ก็พบเส้นทางการเงินถูกโอนเข้าบัญชีนายเอกราช ที่ขณะนั้นเป็น ผู้จัดการสหกรณ์ ออมทรัพย์ครูขอนแก่น



หลังจากนั้นนายเอกราชทำหนังสือรับสภาพหนี้ โดยนำโฉนดที่ดินหลายแปลงมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันครั้งแรก 169 ล้านบาทและครั้งที่ 2 จำนวน 129 ล้านบาท เพื่อเป็นหลัก ประกันว่าจะคืนเงินให้สหกรณ์ ท่ามกลางข้อกังวลใจของสมาชิกสหกรณ์บางส่วนในขณะนั้นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวประเมินมูลค่าถูกต้องหรือไม่ และมีมูลค่าทรัพย์ครอบคลุมจำนวนหนี้ 431 ล้านบาท หรือไม่



อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น เป็นโจทก์ร่วมกับอัยการเพื่อฟ้องนายเอกราช และอดีตกรรมการในขณะนั้น รวม 5 คน ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสาร



โดยข่าว 3 มิติ ได้รับการยืนยันจากนายอนุศาสตร์ สอนศิลปพงษ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น เมื่อธันวาคม ปีที่แล้วว่า ทนายของจำเลยในคดีนี้ แถลงต่อศาลว่าจำเลยประสงค์รับสารภาพข้อหายักยอกทรัพย์ทุกข้อกล่าวหา



การแถลงต่อศาลเมื่อ 25 พฤศจิกายนปีทีแล้ว จำเลยและโจทก์มีข้อตกลงร่วมกัน 6 ข้อ เช่นจะร่วมกันชำระเงินคืนโจกท์เป็นเงินต้น 431,862,070.43 สต. พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 6.5 ต่อปี จนครบ โดยแบ่งเป็นปีละอย่างน้อย 50 ล้าน ให้แล้วเสร็จใน 5 ปี / จำเลยกับพวกจะหลักทรัพย์ค้ำประกันมาวางเพิ่มไม่น้อยกว่า 140 ล้านบาท หากผิดนัดงวดใด ให้ถือว่าผิดทั้งหมดต้องบังคับคดีตามคำฟ้อง /ความผิดฐานยักยอกหากชำระครบ โจทก์จะถอนคำร้อง หากไม่ถอนให้ถือว่าความผิดระงับ และข้อ 6 หากชำระครบ จำเลยจะไม่เอาผิดความผิดเกี่ยวกับเอกสารไม่ว่าจำเลยสารภาพ หรือปฎิเสธ แต่ให้เป็นดุลพินิจศาล



ข่าว 3 มิติ ได้รับการเปิดเผยล่าสุดวันนี้จากอดีตประธานกรรมการสหกรณ์ ที่เป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีในขณะนั้นว่า เมื่อ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำเลยแถลงต่อศาลนายเอกราช ว่าประสงค์สารภาพทั้งคดียักยอก431 ล้าน และคดีปลอมแปลงเอกสาร แต่การพิพากษายังไม่มีขึ้นตอนนี้เพราะต้องรอดูว่าจำเลยจะปฎิบัติตามข้อตกลง 6 ข้อดังกล่าวหรือไม่โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีแรก ที่ต้องชำระไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ส่วนอดีตกรรมการเป็นจำเลยในคดีนี้อีก 4 คน และแยกฟ้องในคดีนี้ มี 1 คน ที่สารภาพข้อหายักยอกทรัพย์ แต่ปฎิเสธข้อหาปลอมแปลง ส่วนอีก 3 คนปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา



สำหรับประกาศของปปง.ที่ให้ผุ้เสียหายจากความผิดมูลฐานจนต้องอายัดทรัพย์นายเอกราช ให้ไปแจ้งพิทักษ์ทรัพย์นั้น ข่าว 3 มิติได้รับการยืนว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ได้ยื่นคำร้องไว้ที่ปปง.ตั้งแต่ 18 ธันวาคม 2563แล้ว เท่ากับสหกรณ์ออมทรัพย์สครูขอนแก่น เป็นผู้เสียหายในคดี และหากมีผุ้อืน่ที่เสียหายจากความผิดมูลฐาน จนปปง.ต้องอายัดทรัพย์ดังกล่าว ก็สามารถแจ้งได้ภายใน 90 วัน นับจาก 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเผยแพร่ประกาศนี้ในราชกิจจานุเบกษา

คุณอาจสนใจ