โจ๋ซิ่งจยย.สวนทางอริ ชักปืนยิงใส่ ปาระเบิดปิงปอง เจ็บ 3

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 20 สิงหาคม 2565 ร.ต.อ.วิโรจน์ มูลมานัส รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุวัยรุ่นยิงกันภายในซอยวัดด่านสำโรง บริเวณปากซอยด่านสำโรง 24 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สมเจตน์ ธรรมบุตร สวป. และมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางเข้าตรวจสอบ



ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ปากซอยดังกล่าว พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 3 ราย อายุระหว่าง 16 -18 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ 1 ราย และ โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า 2 ราย



จากการสอบถามเพื่อนผู้บาดเจ็บทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาจากบ้านพัก ย่านซอยด่านสำโรง 18 เพื่อออกมาซื้อของกิน ระหว่างทางมีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มอริ ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมารวม 4 คัน สวนทางมาพบกับกลุ่มผู้บาดเจ็บ จึงเร่งเครื่องไล่ติดตาม กระทั่งถึงที่เกิดเหตุ หนึ่งในนั้นได้ชักอาวุธปืน คาดว่าเป็นปืนไทยประดิษฐ์ ยิงใส่เพื่อนทั้ง 3 คน 1 นัด พร้อมกับปาระเบิดปิงปองมาอีก 1 ลูก ก่อนจะพากันหลบเข้าไปอยู่หน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุพากันแยกย้ายหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว



ด้าน นายบัวเรียน อายุ 51 ปี พ่อค้าขายกุ้งเผา จุดที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ตอนยิงปืน ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และเห็นผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน นั่งอยู่กับพื้น ก่อนที่จะพากันไปนั่งแอบอยู่ที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าฝั่งตรงข้าม ส่วนผู้ก่อเหตุน่าจะขี่รถจักรยานยนต์มากันประมาณ 3-4 คัน



ขณะที่ นายวิทยา อายุ 46 ปี ที่ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนขับรถมาส่งเพื่อน และกำลังจะบ้านพัก มาถึงเกิดเหตุเป็นจังหวะขี่รถจักรยานยนต์ แซงรถยนต์กระบะขึ้นมา ก่อนคนที่นั่งซ้อนท้ายจะชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ผู้บาดเจ็บ ทำให้เศษลูกกระปืนกระเด็นมาโดนรถตน ได้รับความเสียบหายหลายสิบจุด ซึ่งขณะที่ผู้ก่อเหตุชักปืน กล้องหน้ารถสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ หลังเกิดเหตุตนได้ขับรถไปตามหาตำรวจที่เคยตั้งด่านอยู่ภายในซอยดังกล่าวทุกวัน แต่ไม่พบ จึงโทรแจ้ง 191



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่ากลุ่มที่ก่อเหตุน่าจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ และน่าเป็นคู่ขัดแย้งกับกลุ่มของผู้บาดเจ็บ กระทั่งทั้งสองฝ่ายขี่รถจักรยานยนต์มาเจอกันโดยบังเอิญ ก่อนกลุ่มผู้บาดเจ็บจะถูกกลุ่มคู่อริ ชักปืนยิงใส่ จนได้รับบาดเจ็บ โดยที่ไม่สนใจชาวบ้านที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย