ระทึกไฟไหม้บ้านวันสารทจีน หวิดดับยกครัวขณะนอนดูทีวีในบ้าน

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยประชาอุทิศ 79 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร ทั้งนี้ พ.ต.ท.วิทยา บุญคุ้ม สว. (สอบสวน) พร้อมด้วยนายประสาท โพธิ์ศรีมาตย์ ผู้ช่วยผอ.เขตทุ่งครุ พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเขตทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยตรวจสอบที่เกิดเหตุในหมู่บ้านวิเศษสุขแยก 18/13

เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุเป็นชุมชน ภายในซอยปลูกติดกันหลายหลัง จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังหนึ่ง กลุ่มควันกำลังพวยพุ่งออกมาจำนวนมากบริเวณชั้น 2 ภายในห้องนอนริมหน้าต่าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยบรรเทาสาธารณภัยได้ใช้หัวฉีดจำนวนหลายหัว เพื่อสกัดเปลวไฟให้อยู่ในวงจำกัด และไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นชั้น 2 ภายในห้องนอน สภาพถูกไฟไหม้โดยไม่สามารถใช้การได้อีกเลย โดยมีที่นอนแอร์พัดลมรวมถึงตู้เสื้อผ้าถูกไฟไหม้จนเกลี้ยง ความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 300,000 บาท

จากการสอบถามนายสิทธิศักดิ์ ศรีปากดี อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ภายในบ้านบริเวณชั้นล่างพร้อมกับครอบครัว จำนวน 3 คน โดยนั่งดูทีวีและพักสายตา จากนั้นได้ยินเพื่อนบ้านตะโกนมาว่าไฟไหม้ ๆ ตนจึงออกไปดูก็พบกับกลุ่มควันจำนวนมากบริเวณชั้น 2 ภายในห้องนอน จากนั้นเพื่อนบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิง

สำหรับสาเหตุตนไม่ทราบว่าได้เสียบพัดลมภายในห้องนอนทิ้งไว้หรือไม่ แต่ไม่ได้จุดธูปหรือกระทำการใด ๆ ให้เกิดเพลิงไหม้แต่อย่างใด คาดว่าเหตุดังกล่าวน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะมีเพียงแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ภายในห้องนอนเท่านั้น จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบอีกครั้ง

นายสนอง ศรีสุขขี อายุ 59 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนเห็นกลุ่มควันจากบริเวณชั้น 2 ตนจึงตะโกนถามคนในบ้านว่ามีคนอยู่หรือไม่ จากนั้นพบกับเจ้าของบ้าน จึงได้แจ้งไปว่ามีไฟไหม้ที่บริเวณชั้น 2 ก่อนจะแจ้งไปยังสำนักงานเขตทุ่งครุ เพื่อให้นำรถดับเพลิงมาดับไฟ จากนั้นไม่นานก็มีรถดับเพลิงของทางสำนักงานเขตทุ่งครุมาจำนวนหลายคัน และสามารถดับไฟได้อย่างเรียบร้อย โดยที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาเก็บข้อมูลและหาข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป