ชาวนาโวย เปิดร้านขายโลงศพ โดนเรียกเก็บภาษีเป็นคลังสินค้า

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายประจวบ อายุ 58 ปี เกษตรกรทำนา จ.บุรีรัมย์ และเป็นเจ้าของร้านเจริญศิลป์โลงทอง ตั้งอยู่ริมถนนสายบุรีรัมย์-ลำปลายมาศ ว่า ถูก อบต.กระสัง เรียกเก็บภาษีแพงเกินจริง



ตรวจสอบพบร้านขายโลงดังกล่าว เป็นโครงสร้างเหล็กชั้นเดียว มุงหลังคา และล้อมด้วยสังกะสี ภายในร้านมีโลงศพตั้งไว้ขายจำนวน 1 ใบ มีโลงเย็น 2 ใบ มีรถกระบะ 1 คัน และอุปกรณ์การจัดงานศพจำนวนหนึ่ง



นายประจวบ เล่าว่า ปกติตนจะมีอาชีพทำนา ช่วงที่ผ่านมาเคยเป็นสมาชิก อบต.มาก่อน ได้ไปศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับการจัดงานศพ จึงปรึกษากับภรรยาว่าอยากจะเปิดร้านขายโลงศพ จึงเอาที่นาไปจำนองกับ ธกส. แล้วไปเช่าที่ดินติดถนน หน้ากว้าง 12 เมตร ลึก 8 เมตร เจ้าของที่ดินคิดค่าเช่าปีละ 4,000 บาท ลงทุนสร้างตัวอาคาร และซื้ออุปกรณ์การจัดงานศพ รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 200,000 บาท



แต่ตนไม่มีเงินทุนทำโลงเอง จึงไปซื้อจากร้านขายโลงส่งมาทีละ 1-2 ใบ ในแต่ละเดือนจะรับงานจัดงานศพเล็กๆ เดือนละ 1-2 งาน โชคดีบางเดือนได้ 3 งาน แต่บางเดือนไม่มีงานเลย เพราะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำมา 6 ปี ยังไม่ได้ทุนคืน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นภายในครอบครัว



เมื่อต้นปีนี้ ถูกเรียกเก็บค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นเงิน 1,122 บาท แต่ปรากฏว่า เมื่อเดือนสิงหาคม ถูกเรียกเก็บเงินค่าภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอีก 2,794.90 บาท ค่าปรับอีก 558.98 บาท รวมเป็นเงิน 3,381.83 บาท รู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยเสียขนาดนี้มาก่อน จึงเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของ อบต. ได้รับคำตอบว่า “สถานที่เป็นคลังสินค้า” จึงรู้สึกว่าจะเป็นคลังสินค้าได้อย่างไร เพราะไม่มีสินค้ามากมาย มีเพียงโลงศพ 2-3 ใบเท่านั้น แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เรียกตนไปพบเพื่อทำการประเมินใหม่ สุดท้าย อบต.กระสัง ประเมินให้เสียค่าภาษีเพียง 690 บาท จากกว่า 3,300 บาท



นางชญาทศ อายุ 53 ปี ภรรยาเจ้าของร้าน บอกว่า ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ ที่สามารถจัดงานได้ครั้งละ 1 งานเท่านั้น บางเดือนไม่มีงาน ในฐานะที่เป็นคนไทยต้องเสียภาษี ตนยินดี แต่ถ้ามานั่งเทียนแล้วส่งใบมาเตือน ตนว่าไม่สมควร จึงอยากจะฝากถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไป ควรจะออกมาสำรวจสภาพความเป็นจริงก่อนที่จะเรียกเก็บภาษีหรือไม่ เพราะหลายคนไม่กล้าไปทักท้วงกลัวจะโดนความผิด