สังคม

สาวแรงงานกัมพูชาร้องถูกรถชนจนต้องตัดขาทิ้งแต่คดีไม่คืบ

โดย onjira_n

27 ก.ค. 2565

185 views

ที่บ้านเช่า ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง นายนพดล อายุ 40 ปี นายจ้าง พร้อมด้วย นางธิดา คาว อายุ 21 ปี และนายไทย เซอร์ อายุ 27 ปี สองสามีภรรยาชาวกัมพูชา ร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าว กรณี นางธิดา ถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. และหน้าโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.39.53 น. ตามภาพจากกล้องวงจรปิด ของค่ำวันที่ 24 มิ.ย.65 โดยวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นางธิดา ส่งไปรักษาที่ รพ.ตรัง ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 25 มิถุนายนเป็นต้นมา และแพทย์ได้อนุญาตให้ นางธิดา ออกจาก รพ.มอ. เมื่อเย็นวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างที่เข้ารักษาตัวต้องเข้าห้องผ่าตัด 3 รอบ

ขณะที่ทางตำรวจไม่ได้เดินทางไปสอบปากคำ หรือเยี่ยมดูอาการ หรือสอบถามอาการ หรือแจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่นายจ้างและครอบครัวแรงงาน หรือแจ้งสิทธ์ใดๆ แก่ผู้เสียหายได้รับทราบแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่แรงงานข้ามชาติดังกล่าวเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยอย่างไม่เป็นธรรม ไม่คุ้มครองดูแลตามสิทธิที่ควรจะได้รับ ไม่มีความคืบหน้าในด้านคดี ยังติดตามจับกุมคนก่อเหตุไม่ได้ ห่วงคดีจะล้ม และไม่มีคนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดย นางธิดา แรงงานข้ามชาติที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ ต้องถูกตัดขาขวาทิ้งไป 1 ข้าง และมีค่ารักษาพยาบาลพุ่งรวมกว่า 200,000 บาท แต่ยังไม่มีใครรับผิดชอบ

โดย นางธิดา ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านในสภาพขาข้างขวาถูกตัดทิ้งไป 1 ข้าง และแขนซ้ายยังต้องเข้าเฝือก เพราะแขนหัก กล่าวว่า ในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ตนเองออกจากไซด์งานก่อสร้างภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.บางรัก เพื่อกลับบ้านมาทำกับข้าวไว้รอสามี แต่เมื่อมาถึงบ้านเช่า ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 600 เมตร ปรากฏว่า ลืมเอากุญแจบ้านกลับมาด้วย จึงเดินกลับไป ระหว่างที่กำลังข้ามถนนจากฝั่งโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ซึ่งมีปั๊มน้ำมัน ปตท.อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อข้ามไปถึงบริเวณเส้นกลางถนน และระหว่างที่ตนกำลังมองซ้ายระวังรถที่จะมาทางซ้ายมือ ได้มีรถยนต์เก๋งขับมาทางขวามือพุ่งตรงมากลางถนนด้วยความเร็วสูง ก่อนพุ่งเฉี่ยวชนตนเอง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนรถที่ชนก็ขับหนีไปมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองตรัง โดยตนเองต้องนอน รพ.ยาวนานประมาณ 1 เดือน และจะต้องรักษาอีกเป็นเวลานานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กว่าจะใส่ขาเทียมได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มั่นใจว่า จะทำงานได้มากน้อยแค่ไหน

ด้าน นายนพดล พรสุริวงศ์ นายจ้าง กล่าวว่า ตนเองมารับเหมาก่อสร้างทำเซเว่น-อีเลฟเว่น ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.บางรัก ส่วน นางธิดา เป็นแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา มาทำงานร่วมกับตนนานประมาณ 1 ปีแล้ว แม้เป็นผู้หญิงแต่ทำงานก่อสร้างเก่งเหมือนผู้ชาย ทำได้ทุกอย่าง หลังจากเกิดเหตุ ไม่มีความคืบหน้าทางคดีใดๆ เลย ตนจึงร้องสื่อขอให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดี ขนาดในส่วนของกล้องวงจรปิด ตนกับภรรยาต้องวิ่งหาเองในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ โดยเก็บมาได้ 2 ตัว เป็นภาพขณะชนกลางถนน จากกล้องวงจรปิดของ ร.ร.สอนขับรถยนต์ และภาพรถยนต์เก๋ง  ขณะขับผ่านปั๊มน้ำมัน PT แต่มองเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบว่าทางตำรวจได้ไล่แกะรอยกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งที่ถนนเส้นนี้มีกล้องวงจรปิดมากหลายตัว เพราะผ่านเส้นทาง หรือจุดแยกสำคัญมามากมาย หรือคงเห็นเป็นแรงงานต่างชาติ จึงไม่สนใจ ไม่เหมือนกับที่เกิดกับคนไทย ซึ่งหลังเกิดเหตุในครั้งนี้ ทำให้ตนต้องเสียคนงานไปทั้งหมด 3 คน คือ แรงงานหญิง ซึ่งบาดเจ็บจากการถูกชน รวมทั้งสามีที่ต้องไปเฝ้าภรรยา และแม่สามีที่ต้องดูแลหลานวัย 5 ขวบ ลูกสาวของทั้ง 2 คน ทั้งนี้ หากคดีไม่คืบหน้าตนเองจะเข้าร้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ส่วน นายไทย เซอร์ แรงงานกัมพูชา สามีของ นางธิดา ซึ่งกล่าวน้ำตาคลอตลอดเวลา ว่า ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ตำรวจไม่สนใจทำอะไรให้พวกตนเอง คงเห็นว่าพวกตนเป็นแรงงานต่างด้าว จึงไม่สนใจ ตนเองจากบ้านมาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย เป็นหนี้จากที่บ้านมา 2 แสนบาท เพื่อจะมาทำงานเก็บเงินส่งเสียทางบ้าน แต่ภรรยามาถูกรถชน ทำให้กลายเป็นหนี้เพิ่มอีก โดยค่ารักษาพยาบาลขณะนี้กว่า 2 แสนบาทแล้ว นายจ้างช่วยออกให้ครึ่งหนึ่ง ตนเองจะต้องออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งหากไม่คืบหน้าตนเองจะไปร้องต่อสถานทูตกัมพูชา ต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งได้มา 2 ตัว จับภาพรถยนต์คันก่อเหตุได้ เป็นรถยนต์เก๋ง  แต่ไม่เห็นป้ายทะเบียน ประกอบกับช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ในที่เกิดเหตุพบกระจกรถตกอยู่ และมีเลขบาร์โต๊ดติดอยู่ ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งไปให้บริษัท โตโยต้า ตรวจสอบอยู่ว่า จะสามารถบ่งบอกเลขตัวถังรถ หรือเจ้าของรถยนต์ได้หรือไม่ ยังต้องรอผล ซึ่งหลังเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บ และไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะผู้บาดเจ็บอยู่ รพ.มอ.หาดใหญ่ แต่หลังจากนี้จะเร่งสอบปากคำ และติดตามผลการตรวจสอบกระจกว่า พอจะมีเบาะแสเจ้าของรถคันดังกล่าวหรือไม่ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ถ้ายังสอบปากคำผู้เสียหายไม่เสร็จ จะให้พนักงานสอบสวนตามไปสอบปากคำที่ จ.นครสวรรค์ เพราะหากไม่สอบปากคำไว้ให้ละเอียด หากจับคนก่อเหตุได้ ก็ไม่สามารถเอาผิดคนชนได้ อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่ขับรถผ่านถนนสายสิเกา มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองตรัง และเส้นทางเชื่อมต่อ ในช่วงเวลาประมาณ 1-2 ทุ่ม ในช่วงค่ำของวันที่ 24 มิ.ย.65 หากใครมีกล้องหน้ารถสามารถจับภาพรถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส สีดำ ได้ ขอให้ช่วยส่งหลักฐานมาให้ยังทางตำรวจด้วย


คุณอาจสนใจ