เศร้า! "อัน อัน" แพนด้าอายุมากที่สุดในโลก เสียชีวิตแล้ว สวนสัตว์ในฮ่องกง การุณยฆาต

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานในวันนี้ (21 ก.ค. 65) ว่า เจ้าอัน อัน (An An)แพนด้าเลี้ยงที่มีอายุมากที่สุดในโลก เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 35 ปี ที่สวนสัตว์ในฮ่องกง ด้วยการถูกการุณยฆาต



แถลงการณ์ของสวนสนุกและสวนสัตว์ โอเชียน ปาร์ก ระบุว่า เจ้าอันอัน มีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ และทรุดลงมาก ๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มันเคลื่อนไหวร่างกาย กับกินอาหารได้น้อยลง ซึ่งหากเทียบกับมนุษย์ มันจะมีอายุเท่ากับคนวัย 105 ปี



ด้วยเหตุนี้ทำให้สัตวแพทย์ของสวนสัตว์ ตัดสินใจทำการุณยฆาต เมื่อช่วงเช้าตรู่ (21 ก.ค. 65) ที่ผ่านมา โดยทางสวนสัตว์ย้ำว่า การทำให้เจ้าอันอันจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก



ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่ทางสวนสัตว์ประกาศการเสียชีวิตของเจ้าอันอัน ก็มีผู้คนจำนวนมากพากันโพสต์ข้อความแสดงความไว้อาลัยให้กับอันอัน ส่วนใหญ่ได้กล่าวขอบคุณอันอันที่มอบความสุขให้กับพวกเขาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และจะคิดถึงมันตลอดไป



ทั้งนี้ เจ้าแพนดาอันอัน เกิดที่ป่าในมณฑลเสฉวน ของจีน และถูกมอบเป็นของขวัญให้ฮ่องกง เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี ที่จีนได้รับเกาะฮ่องกงคืนมาจากอังกฤษ พร้อมกับคู่ของมัน ชื่อว่า เจียเจีย (Jia Jia) และอาศัยอยู่ด้วยกัน ที่สวนสัตว์โอเชียน ปาร์ก มาโดยตลอด



ซึ่งเจีย เจีย เคยได้รับการบันทึกลงกินเนส เวิล์ด เรคอร์ด ว่าเป็นแพนด้าเลี้ยง และแพนด้าที่ยังคงชีวิตอยู่ที่มีอายุมากที่สุดในโลก จนกระทั่งมันได้จากโลกใบนี้ไปด้วยอายุ 38 ปี เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์จากกองทุนสัตว์ป่าสากล (WWF) ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วแพนด้าจะมีอายุขัย ประมาณ 14 – 20 ปี



หลังจากที่คู่ของมันตายไปแล้ว อันอันต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด ทำให้ในปี 2564 ที่ผ่านมา เจ้าอันอันต้องฉลองวันเกิดปีที่ 35 ของมัน อย่างเหงา ๆ กับตัวเอง โดยมีผลไม้และเค้กน้ำแข็งไม้ไผ่ ที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เตรียมไว้ให้



แพนด้าถือเป็นสัตว์ที่รัฐบาลจีนมักจะมอบให้กับประเทศต่าง ๆ เพื่อเป็นของขวัญทางการทูต และหลังจากที่แพนด้าทั้งสองตัวเดินทางมาถึงฮ่องกง นายต่งเจี้ยนหัว (Tung Chee-hwa) ผู้นำฮ่องกงในขณะนั้น กล่าวว่า ชื่อของแพนดาทั้งสองจะทำให้ฮ่องกงมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จ



ปัจจุบัน ฮ่องกงมีแพนดาที่ได้รับมาจากรัฐบาลปักกิ่งอีก 1 คู่ ชื่อว่า หญิงหญิง (Ying Ying) กับ เล่อเล่อ (Le Le) ซึ่งได้รับความสนใจมาก ๆ หลังจากที่พวกมันเริ่มแสดงพฤติกรรมการผสมพันธุ์กัน ในช่วงการแพร่ระบาของโควิด-19 หลังจากที่ไม่สนใจกันมานานเกือบ 10 ปี