สังคม

สาววัย 17 ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลงทุนออนไลน์ คุยแค่ 2 ชั่วโมง สูญเงิน 6.8 แสนบาท

โดย nutda_t

9 ก.ค. 2565

23.5K views

ผู้ปกครองของเยาวชนหญิง อายุ 17 ปี เปิดเผยเรื่องราวเตือนภัยผ่านทางทีมข่าว โดยเยาวชนหญิง ได้หลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกให้ลงทุนออนไลน์ อ้างว่าจะได้ผลกำไรจำนวนมาก จนในที่สุดได้สูญเงินกว่า 680,000 บาท ไปในเวลาการพูดคุยกันแค่ 2 ชั่วโมง



โดยคุณลุงของเยาวชนหญิงรายนี้ เล่าเรื่องราวให้ทีมข่าวฟังว่า หลานสาวตน อายุ 17 ปี ตอนนี้กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งน้องมีความตั้งใจที่อยากจะไปเรียนต่อในต่างประเทศ แต่เนื่องจากครอบครัวเองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง น้องจึงมีความคิดที่จะช่วยหาเงินให้ได้เพิ่มมากขึ้น จนเมื่อช่วงเย็นของวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา น้องได้บังเอิญไปเจอโพสต์ในทวิตเตอร์ ที่ชักชวนให้นำเงินไปลงทุนออนไลน์ แล้วจะได้ผลกำไรตอบแทน น้องจึงสนใจ แล้วหลงกดเข้าไปพูดคุยกับแก๊งมิจฉาชีพผ่านช่องทางไลน์ แต่ด้วยตัวน้องเองไม่ได้มีเงิน จึงไปขอโทรศัพท์ของคุณแม่ และกดโอนเงินเข้ามาเพื่อนำเงินไปลงทุนตามที่มิจฉาชีพชักชวน



โดยวิธีการของมิจฉาชีพ จะเริ่มจากให้ลงทุนด้วยยอดเงินน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีเทคนิคต่างๆ เพื่อจูงใจให้โอนเงินจำนวนมาก เช่น บอกว่าลงทุนเท่านี้อาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน ต้องลงทุนมากขึ้น จะเห็นผลตอบแทนมากขึ้น และพอถึงจุดหนึ่งที่น้องเริ่มโอนเงินไปเยอะ แต่ยังไม่ได้ผลตอบแทน น้องจึงเริ่มรู้สึกเอะใจ และมีอาการตกใจ ลนลาน มีความต้องการจะได้เงินคืน มิจฉาชีพก็ใช้จุดนี้ ล่อลวงต่อไปอีกว่า ถ้าต้องการจะยกเลิกเงินที่ลงทุนไปแล้ว และให้ถอนเงินคืนได้ จะต้องโอนเงินเพิ่มอีกเพื่อปลดล็อคระบบการถอน น้องจึงหลงเชื่อและโอนเพิ่มไปอีก เนื่องจากกำลังต้องการเงินที่ลงทุนไปแล้วคืน เพราะกลัวว่าถ้าคุณแม่รู้แล้วจะต่อว่า จนสุดท้ายก็โอนเงินไปจนหมดบัญชี เป็นเงิน 680,000 บาท



คุณลุงของเยาวชนหญิง ระบุอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องไม่ได้มีเจตนาร้ายที่จะเอาเงินในบัญชีของคุณแม่ไปใช้ในทางที่ไม่ดี เพราะน้องรู้ดีว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่คุณแม่สะสมไว้เพื่ออนาคตของน้องเอง แต่น้องเพียงแค่ต้องการต่อยอดเงินให้เยอะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเด็กอายุเท่านี้ ยังไม่มีภูมิต้านทานมากพอ แม้จะได้ยินข่าวทุกวัน แต่ไม่เคยเจอกับตัวเอง จึงหลงเชื่อไป ซึ่งตนมองว่าตอนนี้ มิจฉาชีพมีอยู่ทุกวัน และจะเปลี่ยนเป้าหมายไปเรื่อยๆ โดยใช้กลอุบายแตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่มเป้าหมาย



ซึ่งกลโกงที่หลานตนเจอนี้ มิจฉาชีพตั้งใจที่จะหลอกกลุ่มเด็กหรือเยาวชน เพราะเป็นวัยที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้จะเป็นวัยที่ไม่ได้มีเงินของตัวเองจำนวนมาก แต่มิจฉาชีพก็ใช้วิธีล่อลวงให้ไปเอาเงินของผู้ปกครองมาให้ได้ โดยมิจฉาชีพได้ใช้ช่องทางทวิตเตอร์เพื่อเข้าถึงเด็ก มีการตั้งชื่อ ตั้งโปรไฟล์เป็นรูปศิลปินเกาหลี ใช้ภาษาเกาหลี ซึ่งชัดเจนว่าเพื่อดึงดูดกลุ่มเด็กวัยรุ่น จึงต้องการให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับครอบครัวอื่นๆ



ส่วนของคุณแม่กับตัวน้องเอง ก็ได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่ สน.พหลโยธิน แล้ว ซึ่งต้องการจะได้เงินคืน เพราะเงินก้อนนี้คืออนาคตของน้อง ส่วนกลุ่มมิจฉาชีพก็ตองการจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และอยากจะให้เจ้าตัวออกมาบอกกับสังคมด้วยว่า มีวิธีการทำอย่างไรกันบ้างในการหลอกลวงผู้อื่น



ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับคุณแม่ของเยาวชนหญิง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรักษาโควิด-19 โดยคุณแม่ได้เล่ากลโกงของมิจฉาชีพให้ฟังว่า พอน้องไปเจอทวิตเตอร์ดังกล่าว และได้ติดต่อไปผ่านไลน์ ก็มีแอดมินตอบมาว่า สนใจใช่หรือไม่ ถ้าสนใจจะให้ไปคุยกับโค้ชที่สอนด้านการเงิน ซึ่งมีการถามอายุ อาชีพ และอธิบายว่าต้องลงทุนเท่าไหร่ จะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ยิ่งลงเยอะยิ่งได้เยอะ น้องจึงเอาเงินจากบัญชีของคุณแม่ไปลงทุน เริ่มจากยอดแรกแค่ 50 บาท และค่อยๆ เพิ่มเป็นหลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น พอน้องเห็นว่า ลงทุนไปเยอะแล้วแต่ยังไม่ได้กำไรตอบแทนกลับคืนตามที่กล่าวอ้าง น้องจึงเริ่มอยากจะขอเงินคืน มิจฉาชีพก็บอกว่าขอคืนเลยไม่ได้ ต้องลงเพิ่มก่อน ถึงจะถอนคืนได้ น้องจึงหลงเชื่อโอนเพิ่มไปจนหมดบัญชี ซึ่งใช้เวลาในการคุยกับมิจฉาชีพจนโอนเงินหมดบัญชีเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยเริ่มคุยประมาณ 6 โมงเย็น จนถึง 2 ทุ่ม



ซึ่งพอเงินหมด น้องก็ตกใจ รู้ตัวว่าโดนมิจฉาชีพหลอก จึงกลัวแม่ว่า สับสนจนร้องไห้ หนีออกจากบ้านไป และส่งข้อความเสียงกลับมาบอกแม่ว่า หนูไม่รู้ เอาเงินแม่ไปลงทุนหมดบัญชี หนูขอโทษ ไม่รู้จะทำยังไง ตนจึงตามไปเจอลูก และพาไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน และไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับมิจฉาชีพอีก



ส่วนสภาพจิตใจของน้องตอนนี้ค่อนข้างแย่ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็จะร้องไห้ออกมาตลอด เพราะเขารู้ว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินที่แม่เก็บออมไว้สำหรับให้น้องเรียนหนังสือ น้องก็บอกว่าจะไปหางานทำและรู้สึกเสียใจมาก ส่วนตัวคุณแม่ก็ถือให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ว่าต้องระวังมากๆ ไม่ใช่แค่เด็ก แต่ไม่ว่าอายุไหนก็ตาม ถ้าเราอยากได้เงิน เราก็จะถลำเข้าไปสู่กระบวนการของมิจฉาชีพและจะถอนตัวยาก และก็เป็นบทเรียนเรื่องการให้รหัสต่างๆ ของเรากับผู้อื่นด้วยว่าไม่ควรให้ใคร เหมือนอย่างที่แม่ไว้ใจน้องและให้รหัสโทรศัพท์และรหัสแอปพลิเคชั่นธนาคาร

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ