ชายขับรถชนไม่มีเงินจ่ายคู่กรณี อ้างพ่อเป็นทหารยศใหญ่ หลอกยืมเงินเจ้าของอู่

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณซอยประชาชื่นนนท์ 8/1 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบความคืบหน้า กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความไว้ว่า "วันที่ 14 มิถุนายน 2565 บุคคลอันตรายล่อลวงด้วยคำพูด อย่าไปหลงเชื่อ กูจะล่ามึง แจ้งความไว้แล้วนะคะ" ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพวันที่ 14 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 10.40 น. คนร้ายเป็นผู้ชายตัดผมเกรียน สวมเสื้อยืดสีขาวปักโลโก้ทหาร สวมกางเกงขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าเป้สีดำ เดินเข้ามาที่อู่รถ และใช้เวลาสักพักก่อนจะรีบเดินออกไป หลังจากนั้นเวลา 10.46 น. จับภาพนายอินสร หรือผู้เสียหาย เดินตามคนร้ายออกไปถึงหน้าปากซอย แต่ไม่พบคนร้ายแล้ว จึงเดินกลับมาที่อู่



โดยได้พบกับนายอินสร อายุ 61 ปี เจ้าของอู่ ที่ถูกมิจฉาชีพโทรเข้ามาอ้างว่า เป็นทหารและเป็นพ่อของมิจฉาชีพ มียศใหญ่รู้จักกับตน และเข้ามาหลอกยืมเงินอ้างว่าเกิดอุบัติเหตุขับรถชน จึงขอให้เอาเงินสดออกให้ก่อน จำนวน 2,000 บาท ก่อนที่จะหนีหายไป และไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศน์



จากการสอบถาม นายอินสร เล่าว่า วันนี้ประมาณ 10.00 น. มิจฉาชีพโทรเข้ามาอ้างว่าเป็นลูกค้าที่นี่ และอ้างว่าลูกขับรถไปชนท้ายรถคนอื่น เขาเรียก 4,000 บาท แต่เงินไม่พอจึงเข้ามาขอยืมเงินตน สักพักหลังจากวางสายก็มีคนเดินมาแล้วอ้างว่าเป็นลูกของเพื่อนตนที่โทรมา เข้ามาบอกว่าพ่อมียศเป็นพันเอกในค่ายทหาร เคยเป็นลูกค้าเก่าที่นี่ ซึ่งตนก็ไม่รู้จักเหมือนกันว่าเขาคือใคร ตอนที่เขาเดินปรี่เข้ามาหาตน บอกว่าที่พ่อให้มายืมตัง หลังจากนั้นตนจึงได้นั่งคุยกับเขาสักพัก ก่อนที่จะหยิบเงินให้ไป เพราะก่อนหน้านี้โทรมาสองครั้ง ครั้งแรกอ้างว่าเป็นพ่อและรู้จักตน จะยืมเงินโดยจะส่งลูกชายมาเอาเงิน ครั้งที่สองอ้างว่าเป็นลูก โทรเข้ามาไม่ถึง 10 นาที ก็เดินมาถึงที่อู่แล้ว และบอกตนว่ามาเอาตัง ตนจึงยื่นเงินให้ไปเพราะมั่นใจว่าเป็นลูกค้า เขาบอกว่าค่าเสียหายที่รถชนประมาณ 4,000 บาท แต่เงินไม่พอ จึงมายืมตน 2,000 บาท



ซึ่งลักษณะคนร้ายที่เข้ามาภายในอู่ รูปร่างผอมเหมือนคนติดยา พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่งตัวใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดและมีตาทหารติดอยู่บริเวณอก แต่ตนเพิ่งมารู้ทีหลังว่ากำลังถูกหลอก แต่พอวิ่งตามออกไปก็ไม่ทันแล้ว ซึ่งตนอยู่ร้านกับลูกน้อง แต่ลูกน้องทำงานอยู่ไม่รู้เรื่อง หลังจากเกิดเหตุตนจึงติดต่อเบอร์ไปที่เบอร์โทรมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เหมือนปิดเครื่อง ตอนนี้รู้สึกเสียดายเงิน และไม่น่าทำแบบนี้กับคนทำมาหากินในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เพราะช่วงนี้เงินหายาก จึงอยากฝากถึงคนร้ายว่าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก ถ้าจะเข้ามาขอโทษตนคงไม่ให้อภัย จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายจะได้ไม่ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก



ด้าน น.ส.มาลินี อายุ 32 ปี ลูกสาว เล่าว่า ตนจะอยู่ร้านเป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้ตอนเกิดเหตุ ตนออกมาสายจึงไม่ได้มาอยู่กับพ่อ ตนรู้สึกว่าคนร้ายไม่น่าทำกันแบบนี้ เพราะพ่อทำมาหากิน ตอนนี้กลัวเขาไปทำกับคนอื่นและจะย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำ ซึ่งตนดูจากลักษณะคนร้าย คาดว่าเป็นทหารอากาศเพราะมีสัญลักษณ์ติดอยู่ และคิดว่าเขาก่อเหตุมาหลายครั้งแล้ว เพราะช่ำชองในการพูดและโทรมาก่อกวน คาดว่าเขาเอาเบอร์มาจากป้ายหน้าร้าน ตอนนี้รู้สึกระแวงจึงอยากฝากเตือนทุกคนที่อยู่ร้านเพียงคนเดียวช่วงนี้มิจฉาชาชีพเยอะ และพ่อแก่แล้วอาจจะตามไม่ทันคน อยากให้ระวังกันเป็นพิเศษ