สังคม

อัจฉริยะ ร้อง ปปป. เอาผิด ผบก.สส.ภ.1-ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี สร้างหลักฐานเท็จ

โดย nutda_t

27 พ.ค. 2565

112 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พันตำรวจเอกจตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี และ พลตำรวจตรี วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนตำรวจภูธรภาค 1



นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับ พันตำรวจเอกจตุรนต์ นั้น ตนเองแจ้งความเอาผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหากันแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษทางคดีอาญา จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี แจ้งความตนเองในฐานความผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา



ส่วนตัว พลตำรวจตรีวสันต์ ในวันนี้ แจ้งความเอาผิดในฐานสร้างพยานหลักฐานเท็จ จากกรณีที่มีการนำคลิปหลักฐานในคดี ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 เมษายน ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีคลิปหลักฐานที่เป็นต้นฉบับ ในวันนี้ได้นำมาประกอบในการยื่นแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งคลิปหลักฐานดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับระยะทางของเจ้าหน้าที่ ที่มีการบันทึกภาพทั้งกล้องวงจรปิด ปลั๊กโทรศัพท์มือถือ ของคนบนเรือ เนื่องจากบางสถานที่ที่ปรากฎอยู่ในสำนวนมีระยะทางห่างกันมากกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งหากไม่ทำการแก้ไขช่วงเวลาของการถ่ายภาพบนเรือ จะทำให้พยานหลักฐานทั้งหมดไม่สอดคล้องกับกล้องวงจรปิดที่มีการนำเข้าสำนวน



ทั้งนี้ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ทำงานได้ลำบาก เนื่องจากมีพยานที่จะเข้าร่วมหลายรายที่ถูกข่มขู่จนไม่กล้าเข้าร่วม ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการเข้าร่วมกับทีมค้นหาความจริงของ ส.ส.เต้ ยืนยันว่าในส่วนของทีมกฎหมายทั้งหมดจะเป็นของตนเอง โดยเมื่อวานนี้ได้มีการเข้าพูดคุยกับทางคุณแม่ ภนิดา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการตกลงกันว่า ในส่วนของทีมกฎหมายทั้งหมดจะเป็นตนเองรับผิดชอบ ส่วนของทีมที่ดูแลคุณแม่คือทางทีมของ ส.ส.เต้ และทีมทนายของตนเองจะเป็น นายวินัย ชุมสวัสดิ์ และ นายสุทธีพงษ์ ชีวิตเจริญ สองทนายที่ทำงานมากับตนเอง มีความรู้ความสามารถในการค้นหาความจริง



ส่วนเรื่องที่ทาง ส.ส.เต้ ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนวานนี้ว่า หากพบว่าสื่อหรือใครก็ตาม ที่จะมาทำให้แม่เสียหาย จะเดินหน้าฟ้องร้อง ตนเองยืนยันว่า ในประเด็นนี้หากตนเองอยู่ในทีมดูแลเรื่องกฎหมายจะไม่มีการแจ้งความหรือฟ้องร้องกับสื่อมวลชน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความลำบาก และตนเองต้องการเดินหน้าในการทำคดีแตงโมเพียงอย่างเดียว ยืนยันอำนาจทางกฎหมายของทีมทนายความเป็นของทางฝั่งตนเองตัดสินใจ ไม่ใช่ ส.ส.เต้



รวมถึงประเด็นที่ทาง ส.ส.เต้ มีการระบุว่าอาจจะมีการฟ้องร้องทางแพ่งมากกว่า 200,000,000 บาท ตนเองมองว่าต้องรอให้ผลทางคดีอาญาสิ้นสุดชี้ขาดความผิดก่อน จึงยังไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงประเด็นการฟ้องร้องทางแพ่ง และหากทางอัยการมีความเห็นรับคดี คุณแม่สามารถให้ทนายโจทก์เข้าร่วมได้ และก็จะมีการรวมเอาความเสียหายทางแพ่งเข้าไปในคดีด้วยเช่นกัน



โดยในวันนี้ที่จะมีการเข้าพบคุณแม่แตงโมอีกครั้งในช่วงบ่าย และมีการแถลงร่วมกันกับ ส.ส.เต้ ตนเองจะนำหลักฐานให้คุณแม่ได้ดูด้วยตาตัวเองอีกครั้ง แต่จากการพูดคุยทราบว่าคุณแม่เชื่อว่ามีความผิดปกติในคดี ทั้งประเด็นที่รูปหายไปจากเครื่องโทรศัพท์มือถือประมาณ 500 ภาพ และคลิปวิดีโอ 2 คลิป ตั้งแต่วันแรกที่โทรศัพท์อยู่กับคนอื่นก่อนจะถึงมือตำรวจ จนเป็นประเด็นให้มีการส่งตัวโทรศัพท์มือถือไปให้ทางบังแจ็ค เพราะหลงเชื่อคารมของบังแจ็ค



ซึ่งในส่วนของบังแจ็ค ต้องยอมรับว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือสามารถที่จะกู้ไฟล์ภาพต่างๆที่ถูกลบไปได้ส่วนข้อเสียก็คือการที่ทางคุณแม่ไม่สามารถคุมพฤติกรรมที่กระทำโดยไม่ยังคิดของทางบังแจ็ค หรือที่ตนเองเรียกว่าสิบแปดมงกุฎ ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงว่าแม่ อาจจะเข้าข่ายถูกดำเนินคดีในฐานความผิดสนับสนุนให้ผู้อื่นทำความผิด กรณีที่บังแจ็คมีการนำหลักฐานที่กู้คืนมาไปโพต์ตามโซเชียลมีเดีย ตนเองมองว่าฟังเจตนาของตัวคุณแม่ ต้องการเพียงได้หลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัย หลังจากที่พยายามประสานงานผ่านทนายความคนเก่าแต่ถูกปิดกั้น ต้องดูที่เจตนามากกว่า



เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้คุณแม่แตงโม มีการเปลี่ยนตัวทนายหลายครั้ง นายอัจฉริยะมีความกังวลหรือไม่ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกวิตกกังวล เนื่องจากมั่นใจในการทำงานของทีมตนเองที่แตกต่างจากทนายคนก่อน เพราะทนายคนแรกก็ขาดประสบการณ์การทำงานที่มีความซับซ้อน ส่วนทนายคนที่สองก็เป็นทนายที่อิงแต่ตำรวจ ไม่พยายามสืบเสาะหรือตอบประเด็นข้อสงสัยที่ทางคุณแม่มี จึงเชื่อว่าทีมของตนเองจะตอบสนองต่อความต้องการของทางคุณแม่ ได้พิสูจน์ความจริงในคดีนี้ได้อย่างชัดเจน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ