ชายหัวร้อน ถือปืนบุกเคลียร์เพื่อนบ้าน ปมแมวถูกวางยาเบื่อ

จากกรณีที่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของร้านรับทำเสาปูน ในพื้นที่ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี บันทึกภาพเหตุการณ์ที่นายสุรเดช จันทร์ผ่อง หรือ ตอง อายุ 38 ปี เดินไม่ใส่เสื้อ ใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ ถือปืนเข้ามาภายในร้าน พร้อมตะโกนต่อว่าหญิงเจ้าของร้าน และแฟนหนุ่ม จนเกิดการโต้เถียงกันรุนแรง ถึงขั้นท้าให้ใช้ปืนยิง ก่อนที่แม่ของนายสุรเดช จะเดินตามเข้ามาไกล่เกลี่ย และไล่ให้นายสุรเดช กลับเข้าไปในบ้าน ที่เปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ อยู่ติดกับร้านทำเสาปูน แต่นายสุรเดชและหญิงสาวเจ้าของร้าน ยังตะโกนด่าทอ และท้าทายกันอย่างต่อเนื่อง


ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าของร้านได้นำคลิปวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือที่บันทึกเหตุการณ์นำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ ซึ่งมีผู้เข้าไปรับชมและแสดงความคิดเห็นถึงพฤติกรรมของนายสุรเดช ที่ถือปืนเข้ามาข่มขู่เจ้าของร้านอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายกันเป็นจำนวนมาก


ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเปิดเป็นร้านรับทำเสาปูน ในพื้นที่ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และได้พูดคุยกับนางสาววิภาวรรณ ออเพชร อายุ 33 ปี เจ้าของร้านและเป็นผู้ที่ถ่ายคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ โดยนางสาววิภาวรรณ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ 25 พ.ค. 2565 เวลาประมาณ 08.20 นาฬิกา


ขณะที่ตนเองกำลังจะออกไปทำงาน ก็ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอมาจากบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ จากนั้น ก็เห็นผู้ก่อเหตุเดินถอดเสื้อ ถือปืนผ่านหน้าร้านของตนไปทางร้านขายของชำ ก่อนจะเดินวนกลับมาที่ร้านของตน และเกิดเหตุการณ์ตามในคลิปวิดีโอดังกล่าว


นางสาววิภาวรรณ กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น เพราะนายสุรเดช กล่าวหาว่าตนเองและแฟนหนุ่ม วางยาเบื่อแมวที่นายสุรเดชเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งตนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ และถามหาหลักฐานจากนายสุรเดช จนทำให้มีปากเสียง ถึงขั้นท้าให้ใช้ปืนยิงกันตามที่ปรากฏในคลิป


นางสาววิภาวรรณ ยอมรับว่าที่ผ่านมา เคยมีปัญหากับบ้านของนายสุรเดชมาก่อน ในเรื่องของการจอดรถขวางหน้าร้านและนายสุรเดช ก็ยกพวกมาด่าตนถึงที่บ้าน จนมีการไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เมื่อช่วงเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว กระทั่งวันนี้ แมวของนายสุรเดชถูกวางยาเบื่อ นายสุรเดชก็มากล่าวหาว่าเป็นฝีมือของตนและแฟนหนุ่ม ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนทำ จึงเกิดความโมโหและโต้เถียงกันรุนแรง


หลังเกิดเหตุ ตนได้ไปแจ้งวความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ไม่พบตัวนายสุรเดช ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด นางสาววิภาวรรณ ยอมรับว่า ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะทางตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวนายสุรเดชได้ และไม่รู้ว่านายสุรเดชจะกลับมาอาละวาดอีกเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกกลัว แต่ตนก็คงต้องยืนหยัดสู้และจะดำเนินคดีกับนายสุรเดชให้ถึงที่สุด


ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ ร้อยตรีจิรพงษ์ จันทร์ผ่อง อายุ 65 ปี พ่อของนายสุรเดช ผู้ก่อเหตุ ซึ่งพ่อของนายสุรเดช กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากความโมโหของลูกชายที่เห็นแมวที่เลี้ยงไว้ถูกวางยาเบื่อ จึงเกิดความโมโหและออกไปตามหาคนที่วางยาเบื่อแมว จนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลายดังกล่าว ซึ่งตนเชื่อว่า นายสุรเดชทำไปเพราะอารมณ์โมโหและไม่มีเจตนาจะข่มขู่หรือเอาชีวิตคู่กรณีอย่างแน่นอน ตอนนี้ นายสุรเดช เดินทางไปหาหมอที่กรุงเทพฯ หลังเดินทางกลับมาจากไปหาหมอ ตนก็จะให้นายสุรเดชเดินทางไปพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำต่อไป ส่วนเจ้านำโชค แมวที่นายสุรเดชเลี้ยงไว้ และถูกวางยาเบื่อนั้น ตนได้นำไปหาหมอให้ช่วยล้างท้องจนปลอดภัยแล้ว


ผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับป้าเปิ้ล เจ้าของร้านชำที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า ที่ผ่านมา แมวที่อยู่ในละแวกนี้ ถูกวางยาเบื่อตายไปหลายตัว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ละแวกนี้มีบ้านอยู่ติดกันเพียงสามหลัง คือบ้านของตนที่เปิดเป็นร้านขายของชำ บ้านของนางสาววิภาวรรษที่เปิดเป็นร้านทำเสาปูน และบ้านของนายสุรเดช ที่เปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าน่าจะมาจากความโมโหของนายสุรเดช เนื่องจากแมวที่เลี้ยงไว้ถูกวางยาเบื่อจนเกือบตาย


ด้านนางล้อม แม่ของนายสุรเดช กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้านำโชค แมวที่เลี้ยงไว้ได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ก่อนจะวิ่งกลับมานอนชักน้ำลายฟูมปาก ตนและนายสุรเดช จึงช่วยกันนำไข่มาตอกใส่ปากแมว และรีบพาไปหาหมอ จนเจ้านำโชครอดชีวิตมาได้ ก่อนที่นายสุรเดช จะถือปืนเดินออกไปมีปากเสียงกับนางสาววิภาวรรณ เพื่อนบ้านหลังติดกันตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งตนก็พยายามห้ามและกันนายสุรเดชให้กลับเข้าบ้าน โดยหลังเกิดเหตุ ตนได้พูดคุยกับลุกชายแล้ว และจะให้นายสุรเดช เข้าไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ และต่อสู้คดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป