อีกแล้ว! อาสากู้ภัยร่วมกตัญญู ยกพวกตีกันเอง แย่งช่วยคนเจ็บ

จากกรณีที่โลกโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์ ที่มีการอ้างว่าเป็นการตีกันเพื่อแย่งคนเจ็บของอาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในคลิปปรากฏเป็นลักษณะรถตู้พยาบาล 2 คัน จอดต่อท้ายกัน และมีกลุ่มคนทำร้ายร่างกายกันอยู่บริเวณด้านข้างของรถตู้พยาบาลคันหน้า จนทำให้ประชาชนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุต้องตะโกนช่วยกันห้ามโดยตะโกนให้ดูแลคนเจ็บก่อน



ทีมข่าวได้ตรวจสอบทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึก ของคืนวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริเวณถนนปรีดีพนมยงค์ ใกล้เคียงปากซอยปรีดีพนมยงค์ 15 ซึ่งอาสาสมัครที่อยู่ในจุดเกิดเหตุทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่ง สังกัดเดียวกัน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นจากการที่รถคันที่อยู่ด้านหน้าขับมาถึงจุดเกิดเหตุทีหลัง และมีการตัดหน้ารถคันที่อยู่ต่อท้าย ที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุก่อน จึงทำให้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน ก่อนจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น



ซึ่งรถพยาบาลทั้ง 2 คัน เป็นรถของอาสาสมัครมูลนิธิเดียวกัน และยังจอดอยู่ในจุดจอดเดียวกัน และผู้ขับขี่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็รู้จักกันดี แต่อาสาสมัครเจ้าของรถคันหลังเพิ่งย้ายมาจากอีกมูลนิธิหนึ่ง เนื่องจากมีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ จึงขอย้ายมาวิ่งในเขตพื้นที่นี้ภายใต้สังกัดมูลนิธิใหม่ โดยหลังจากเกิดเหตุทั้งคู่ก็ยังคงกลับไปจอดอยู่ที่จุดจอดสแตนด์บายเดียวกัน



ภายหลังจากเกิดเหตุความวุ่นวายและมีการทำร้ายร่างกายกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อให้ดำเนินการทางคดีกับทางคู่กรณี โดยเบื้องต้นมีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงได้มีการทำหนังสือส่งตัวให้ผู้ได้รับบาดเจ็บ เดินทางไปตรวจร่างกายเพื่อใช้เป็นผลประกอบคดี



ด้าน พันตำรวจเอกสมศักดิ์ มงคลคุณากร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ระบุว่า กรณีคลิปดังกล่าว ตรวจสอบพบว่าเป็นคลิปที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทราบว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้มีการส่งเรื่องให้ผู้เสียหายในคดีไปตรวจร่างกายเกี่ยวกับบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อใช้ประกอบสำนวน ส่วนข้อหาที่มีการแจ้งความไว้ คือข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น สำหรับสาเหตุของการเกิดเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิเดียวกันและทั้งคู่ก็รู้จักกันดี จึงคาดว่าน่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว



ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นต้นสังกัดของทั้ง 2 ฝ่าย ทราบว่าขณะนี้ทางมูลนิธิทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว โดยอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอาสาสมัคร คาดว่าจะรู้ผลในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งได้มีการพูดคุยและสอบถามถึงสาเหตุจากตัวอาสาสมัครทั้ง 2 ฝ่าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว