เริ่่ม 1 พ.ค. ดีเซลขึ้นราคา เริ่ม 32 บาท/ลิตร - ค่าน้ำมันปชช.พุ่ง 3,000 ล้านบาท/เดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเป็นขั้นบันได โดยเริ่มที่ลิตรละ 32 บาท จะทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นเดือนละ 3,000 ล้านบาท และหากราคาแตะ 35 บาทต่อลิตร ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 7,500 ล้านบาท ทำในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน จะมีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับค่าน้ำมันดีเซลถึง 30,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และมองว่าโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 สามารถตอบโจทย์ ในการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ง่าย และเร็วที่สุด ให้วงเงิน 1,000-1,500 บาท จะทำให้มีเม้ดเงินในระบบเศรษฐกิจถึง 45,000 ล้านบาท เพียงพอกับเม็ดเงินที่สูญเสียไปกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ได้มีการเปิดเผยโพลสถานภาพแรงงานไทย จากกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน พบว่า แรงงานส่วนใหญ่ 99% มีหนี้สูงถึง 2.18 แสนบาทต่อครัวเรือน สูงสุดในรอบ 14 ปี เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่ายที่สูงขึ้น เพราะค่าครองชีพและราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแรงงานถึง 70% บอกว่า แค่แรงขั้นต่ำไม่พอกับรายจ่ายในปัจจุบัน

ด้าน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาน้ำมันดีเซล แบบขั้นบันได เพื่อลดผลกระทบประชาชน โดยขั้นแรกปรับขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ส่วนขั้นที่ 2 ที่ 3 จะปรับตามราคาน้ำมันในตลาดโลก หากราคาปรับลดลง ก็จะมีการปรับเงินอุดหนุนและปรับราคาน้ำมันลดลงตามราคาตลาดโลก ซึ่งปัจจุบัน หากไม่มีการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน ราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ประมาณ 40 บาทต่อลิตร และจากการอุดหนุนเพียงครึ่งเดียว หรือ 50 : 50 ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อลิตร

ขณะเดียวกัน จะมีการทยอยปรับลดการชดเชยน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียมลง สัปดาห์ละ 2 บาท ซึ่งเท่ากับว่า ราคาดีเซลพรีเมี่ยมจะปรับราคาขึ้น 2 บาท เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน E85 ที่จะลดการชดชเยลงสัปดาห์ละ 1 บาท หรือ ขึ้น สัปดาห์ละ 1 บาท โดยมีเป้าที่จะลดการอุดหนุนเหลือ 0.53 บาท จากปัจจุบัน 3.53 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบัน กองทุนน้ำมันติดลบ 56,278 ล้านบาท