ศบค.ห่วงกลุ่มเสี่ยง 608 หลังยอดเสียชีวิตโควิดเกิน 100 ราย 2 วันติด

สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ประจำวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. 65 พบผู้ป่วยรายใหม่ 22,387 ราย รักษาหาย 27,680 ราย กำลังรักษาทั้งหมด 245,575 ราย (ผู้ป่วยอาการหนัก 2,065 ราย) ATK 15,187 ราย  เสียชีวิต 105 ราย โดยเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 85 ราย



จังหวัดที่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่สูงสุด วันที่ 11 เม.ย. ได้แก่



อันดับ 1 กทม. 3,174 ราย

อันดับ 2 ชลบุรี 1,036 ราย

อันดับ 3 นครศรีธรรมราช 831 ราย



ด้าน พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่า 100 คนต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ว่า ขณะนี้มีปัญหาเรื่องผู้เสี่ยงสูงในกลุ่ม 608 ที่ส่วนหนึ่งมีโรคประจำตัว ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ และอีกส่วนยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งรัฐบาลพยายามรณรงค์ต่อเนื่องมานานนับเดือนก่อนเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมควบคู่กันไปด้วย



แม้ตัวเลขผู้เข้ารับวัคซีนจะเพิ่มขึ้นจากการรณรงค์ แต่ยังมีจำนวนไม่มาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเน้นย้ำขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัว ให้พากลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ส่วนมาตรการอื่นยังไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เพราะเชื่อว่าทุกคนพร้อมร่วมปฏิบัติตามอยู่แล้ว แต่ย้ำว่าวัคซีนเท่านั้นที่จะช่วยลดการเสียชีวิตได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน บุคคลใกล้ชิดผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะยังมีการเดินทางออกไปใช้ชีวิตประกอบอาชีพตามความจำเป็น อาจเพิ่มโอกาสติดเชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยงได้



นอกจากนี้ พลเอก สุพจน์ ยืนยันว่า ที่ประชุม ศบค. ยังไม่มีการอนุมัติ หรือ เห็นชอบการจัดหายาแอนตี้บอดี้ออกฤทธิ์ยาว หรือ LAAB สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. ขอให้กระทรวงสาธารณสุข ต้นเรื่องกลับไปศึกษาและจัดทำรายละเอียดให้รอบด้าน ก่อนนำกลับมาเสนอที่ประชุม ศบค.อีกครั้ง