แฉหนุ่มแสบแบล็คเมล์ นร.ยิงตัวดับ ประวัติก่อคดีมาแล้ว สารภาพขอโทษครอบครัวเหยื่อ

บิ๊กโจ๊กแถลงเอง หนุ่มแบล็คเมล์ นร.จนยิงตัวตาย เผยมีเหยื่ออีกกว่า 20 ราย พบประวัติเคยก่อคดีลักษณะนี้มาแล้วเมื่อปี 2562 ถูกศาลจำคุก 6 เดือน แต่รอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวานนี้ 18 มี.ค.65 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีและครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ(ศพดส.ตร.) แถลงข่าวการจับกุมตัวนายฉันทพัฒน์ อนันตวงศ์ อายุ 26 ปี ชาวอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ฐานความผิดรีดเอาทรัพย์, ครอบครองสื่อลามกอนาจาร เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยจับกุมตัวได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.

ทั้งนี้จากจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 ที่ผ่านมา สภ.สารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งมีเหตุชายใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ผู้เสียชีวิตคือ เด็กชายเจ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี หมู่ที่ 4 ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สาเหตุแรงจูงใจให้ผู้เสียชีวิตลงมือก่อเหตุ มาจากการถูกข่มขู่ให้ผู้เสียชีวิตโอนเงินให้กับคนร้าย แลกกับการที่คนร้ายจะไม่นำคลิปวีดิโอลับ(คลิปโป๊) ของผู้เสียชีวิตไปเผยแพร่ จนกระทั่งเป็นสาเหตุให้ผู้เสียชีวิตลงมือก่อเหตุยิงตัวเองนั้น โดยได้เขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย

ต่อมาพลตำรวจโทรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร.ได้สั่งการให้ชุด TICAC ศพดส.ตร.ลงไปเร่งรัด ทำการสืบสวน ร่วมกับ ภ.5 โดยได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง และภาพกล้องวงจรปิดของเจ้าของบัญชี จนได้ภาพขณะกดเงิน หลังจากผู้เสียหายโอนเงินไป และทำการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิด คือ นายฉันทพัฒน์

พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง ซึ่งคดีนี้จากการสืบสวนยังพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วเมื่อปี 2562 และล่าสุดกลับมาเริ่มก่อเหตุเมื่อ ช่วยเดือนพฤศจิกายน 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันอีกประมาณ 10-20 รายด้วยกัน ซึ่งเรียกเอาทรัพย์เหยื่อรายละ 1-2 หมื่นบาท

กรณีของน้องที่เสียชีวิต รับสารภาพว่า ได้ใช้ภาพหญิงสาวหน้าตาดี ปลอมโปรไฟล์เฟซบุ๊ก หลอกลวงชวนคุยจนผู้เสียชีวิตหลงเชื่อว่าเเป็นผู้หญิง ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนล่อลวงให้วีดีโอคอลอนาจารและอัดคลิปเก็บไว้ข่มขู่เรียกเงิน โดยก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตได้โอนเงินมา 5 ครั้ง รวมประมาณสองหมื่นบาท ล่าสุดขอเพิ่มอีกสองหมื่นบาท โดยไม่ทราบว่าเด็กฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้ดูข่าว มาทราบตอนที่ถูกตำรวจเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่าเป็นต้นเหตุทำให้น้องเสียชีวิต ตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายฉันทวัฒน์ ได้ยอมรับกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ว่าก่อเหตุหลอกลวงในลักษณะนี้จำนวนมาก และมีเหยื่อหลงเชื่อมาแล้วกว่า 20 ราย แต่ละรายโอนเงินมาให้หลักพันถึงหลักหมื่น มากสุดได้ 3 หมื่นบาท พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกว่าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขนาดนี้ ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขอให้ผู้ต้องหาเลิกก่อเหตุ เลิกสร้างความเดือดร้อน และทำลายอนาคตคนอื่นอีกหลังพ้นโทษ

ส่วนการดำเนินคดี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้นายฉันทพัฒน์เคยถูกจับกุมในท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ดำเนินคดีในข้อหาครอบครองสื่อลามก เมื่อปี 2562 อยู่ระหว่างรอลงอาญา และได้กลับมาก่อเหตุครั้งนี้อีก ส่วนในคดีนี้จะถูกดำเนินคดีในข้อหารีดเอาทรัพย์ อัตราโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี และ ข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเพื่อประโยชน์ทางเพศของตนเองหรือผู้อื่น อัตราโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี โดยคดีนี้จะมีการใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยการสั่งดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ เพื่อให้รับโทษสูงสุด เพราะต้องการให้เห็นว่าการกระทำความผิดแบบนี้จะต้องได้รับโทษอย่างไร คนอื่นจะได้เลียนแบบทำอีก

สำหรับนายฉันทพัฒน์ ผู้ต้องหา เคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2562 ในข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก มีพฤติกรรมข่มขู่เหยื่อในลักษณะเดียวกัน โดยการจับกุมในครั้งนั้น ถูกศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ตัดสินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สั่งจำคุก 6 เดือน แต่รอลงอาญา 2 ปี จนมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้งในรอบนี้

รับชมทางยูทูบที่ :https://youtu.be/9659pWJL3_0