นายกฯติดตามสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ใกล้ชิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน นายกฯ ได้รายงานให้ครม. ทราบถึงการไปเป็นประธานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนครั้งที่1 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน โดยครอบคลุมแก้ปัญหา 8 ด้าน เช่น การแก้ปัญหาหนี้กยศ. การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ หนี้ข้าราชการ หนี้บัตรเครดิต และการปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับสภาวะหนี้ ในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายหน่วย โดยขอให้ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กรต. ศูนย์ไกล่เกลียข้อพิพาท กรมบังคับคดี กรมควบคุมสิทธิ์และเสรีภาพ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ. ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ติดตามความคืบหน้าและเร่งดำเนินงานอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้รายงานความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนทุกไตรมาสและให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาลด้วย



ในส่วนการหารือร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นายธนกร กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองประเทศ ชื่นชมนโยบายการบริหารประเทศของกันและกัน กระชับความร่วมมือและขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ การเชื่อมโยงรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากไทยลงใต้สถานการณ์ชายแดนใต้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเจซี รวมทั้งการเปิดใช้แดนทางบกต้นเดือนมีนาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งประเทศมาเลเซียเรียกว่า Vaccinated Travel Lane (VTL) กับระบบหมอพร้อมของประเทศไทยในการยอมรับวัคซีนซึ่งกันและกัน



ขณะที่สถานการณ์ของประเทศยูเครนกับรัสเซีย นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีการประชุมด่วนสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกระดับทุกสถานการณ์ และสั่งการกระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องของการค้า กระทรวงต่างประเทศดูแลคนไทย โดยประเทศไทยมีจุดยืนร่วมกับอาเซียน และให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินผลกระทบความผันผวนในตลาดเงินโลก และราคาสินค้า และพลังงานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทย อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพเรื่องการเงินการคลังของไทยอย่างเข้มแข็ง เพราะไทยมีการพึ่งพาสถาบันการเงินในประเทศเป็นหลัก



ส่วนเรื่องราคาปุ๋ยแพง นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการติดตามถึงเรื่องดังกล่าวโดยส่วนใหญ่เกิดจากราคาพลังงานและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น กระทบกับต้นทุนการผลิตปุ๋ยและการขนส่งปุ๋ย โดยได้มีการสั่งการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาพัฒน์ฯ ช่วยกันบูรณาการทั้งระบบวัตถุดิบและการช่วยเรือบรรเทาราคา ซึ่งจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณให้เริ่มได้โดยเร็ว เพื่อจะได้มีการต่อยอดกิจกรรมภายหลัง



ขณะที่การส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ของไทยนั้น นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังติดตามการส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ เช่น การส่งเสริมมวยไทยให้บรรจุในกีฬาสากล เช่น โอลิมปิกในอนาคต โดยมีการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ มีการเสนอแนวคิดให้บรรจุเป็นวิชาเลือกในหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งฝึกอบรมหรือจัดเป็นหลักสูตรเฉพาะกรรมการมวย โดยกระทรวงต่างประเทศ รับเป็นผู้ประสานงานในการเผยแพร่และสร้างความเข้าใจกลับนานาชาติในการส่งเสริมกีฬามวยไทยต่อไป