สรุปข่าว
เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 17 ก.พ.65 เปลี่ยนชื่อกรุงเทพฯ-หลานสารภาพฆ่ายายยัดถัง-จับแล้ว 1 ใน 4 แก๊งปล้นทอง
โดย thichaphat_d
17 ก.พ. 2565
95 views
-กลุ่มชายฉกรรจ์ 5-6 คน ใช้มีดและขวานไล่ฟันสามี ผู้เสียชีวิตจากเหตุลุงหัวร้อน ยิงดับที่ ซ.ตากสิน 18 ขณะนำอาหารมาเซ่นไหว้ศพภรรยาที่วัดดาวคะนอง จนต้องหนีโดดลงคลองเสียชีวิต และมีเยาวชนชายบาดเจ็บอีก 2 แม่ผู้ตายขอความเป็นธรรม ไม่อยากให้เรื่องเงียบ เพราะเป็นการเกิดเหตุต่อเนื่อง
-ผู้การนครบาล 8 ยัน สามีเหยื่อลุงหัวร้อน ถูกไล่ทําร้ายจนจมน้ำเสียชีวิตภายในงานศพของภรรยา ไม่ใช่การยกพวกมาแก้แค้น แต่เป็นเหตุทะเลาะวิวาท หลังมีเด็กจุดประทัดเล่นภายในวัด จนผู้ตายออกไปต่อว่า ทำให้เด็กไม่พอใจ ยกพวกมารุมฟันจนวิ่งหนีลงคลอง ตรวจศพไม่พบบาดแผล คาดตายจากสำลักน้ำ
-หลานสาว วัย 17 สารภาพลงมือฆ่ายายยัดถัง หวังฮุบเงินรางวัลหวยฮานอย 1 แสนบาท เผยมีปากเสียงกัน เลยโทรหาแฟนหนุ่มวัย 23 ที่เพิ่งรู้จักผ่านแอปฯ มาสังหาร แล้วหาจุดทิ้งศพ จากนั้นใช้เงินจนเหลือไม่กี่หมื่น แล้วหนีไปอยู่ที่บ้านผู้ชายก่อนถูกจับ พร้อมมีแชท สนทนาหลังก่อเหตุมัดตัว
-แม่ผู้ต้องหาฆ่ายัดถัง ทั้ง 2 เจอกันครั้งแรก หน้าโรงพัก อึ้งไม่เคยรู้ลูกคบหากัน ยันลูกสาววัย 17 เป็นลูกคนที่ 4 ที่ยกให้ยายเลี้ยงตั้งแต่ 1 ขวบ ไม่เชื่อเงิน 1 แสนเป็นชนวนเหตุให้ฆ่ายายแท้ๆ ด้านสามียาย ได้คุยกับหลานแล้ว เจ้าตัวขอโทษ บอกทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพราะโดนยายด่าสะสมมานาน
-นายก อบต.บางสมบูรณ์ หลั่งน้ำตา รองนายกฯ – คนขับรถคือ ฮีโร่ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องตนจนตัวตาย มั่นใจชนวนเหตุกราดยิง เพราะตรวจสอบทุจริตใน อบต. แถมก่อนเป็นนายกฯ เคยมีเสียงกระซิบว่าจะอยู่ในเก้าอี้ได้แค่ 6 เดือน ด้านอดีตนายกฯ อบต.ย้ำ ไม่รู้เห็นการลอบสังหาร
-สุดเศร้า! พ่อแม่ นำเค้กวันเกิดครบรอบ 3 ขวบมาเป่าให้น้องวีโอ หน้าโลงศพ พร้อมเปิดวงจรปิดพูลวิลลา เป็นหลักฐานว่าดูแลลูกไม่ได้คลาดสายตา เมื่อเห็นลูกจมน้ำก็พยายามปั๊มหัวใจ เป่าปาก ขึ้นบ่า ตะโกนให้คนแถวนั้นช่วย ไม่ได้มัวถ่ายแบบตามที่หลายคนวิจารณ์
-จับแล้ว 1 ใน 4 แก๊งปล้นทอง 182 บาท ใน อ.พบพระ จ.ตาก เบื้องต้นสารภาพร่วมวางแผนและจัดหาปืนให้ แต่ไม่ได้ไปในวันก่อเหตุ ผู้การภาค 6 เผย 3 ผู้ต้องหาที่เหลือหนีกบดานฝั่งเมียนมา ไทยประสานข้อมูลเพื่อนบ้านช่วยเหลือติดตามตัวคนร้ายแล้ว
-โครงสร้างค้ำยันในโครงการก่อสร้างย่านลุมพินี ชั้น 1 ถล่มทับคนงานเสียชีวิต 3 บาดเจ็บ 4 ผอ.เขตปทุมวันสั่งปิดไซต์งานชั่วคราว ด้าน บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ออกหนังสือเสียใจสุดซึ้งกับเหตุการณ์นี้ ยันเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียเต็มกำลัง และเร่งด่วน พร้อมให้ความร่วมมือตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุที่เกิดขึ้น
เรื่องเล่าการเมือง
-เรื่องการเปลี่ยนชื่อเมืองหลวง ระหว่าง Krung Thep Maha Nakhon และ Bangkok ที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีคำอธิบายเพิ่มเติมจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ยืนยันยังใช้ได้ทั้งสองคำ แต่เห็นว่า คำว่า " Krung Thep Maha Nakhon " สามารถบ่งบอกความเป็นเมืองหลวงได้ครบทุกมิติ และต่อไปกระทรวงฯจะส่งเสริมให้ใช้คำนี้แทน Bangkok
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการตามที่ราชบัณฑิตยสภา ประกาศเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเมืองหลวงของประเทศไทย ว่า ยังสามารถใช้ทับศัพท์ว่า Krung Thep Maha Nakhon หรือ Bangkok ตามความเหมาะสมของการใช้ การมีมติ ครม. เมื่อวันอังคารเป็นการรองรับให้สามารถเป็นทางเลือกในการใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม นายอิทธิพล ระบุว่า ในมุมของกระทรวงวัฒนธรรมจะส่งเสริมการใช้คำทับศัพท์ว่า Krung Thep Maha Nakhon ให้มากขึ้น เพราะคำว่า มหานคร จะหมายถึงเมืองหลวง ที่มีความเจริญครบทุกด้าน และมีความหมายในเชิงวัฒนธรรมอยู่ด้วย
คำว่า Bangkok จะเป็นคำที่ชาวต่างประเทศในอดีตที่เรียกกันมา แต่ชื่อ Krung Thep Maha Nakhon เป็นชื่อที่รัชกาลที่ 1 ได้ทรงพระราชทานเป็นชื่อที่มีความสวยงามไพเราะ กระทรวงวัฒนธรรมจึงจะนำไปรณรงค์ต่อยอดต่อไป
-ขณะที่นักวิชาการด้านการสื่อสาร มองว่าการทำงานของราชบัณฑิตยสภา ทำให้สังคมเกิดความสับสน
รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ระบุว่าการทำงานของราชบัณฑิตสภาแม้จะบอกว่าสามารถใช้ได้ทั้ง Krung Thep Maha Nakhon และ Bangkok แต่ก็ก่อให้เกิดความสับสนในสังคม เปลี่ยนการรับรู้ของคน
โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่รู้จักเมืองหลวงของประเทศไทยว่า Bangkok มายาวนาน ซึ่งเป็นคำที่กระชับ ง่ายต่อการจดจำ เช่นเดียวกับมหานครชื่อดังหลายแห่งของโลก เช่น นิวยอร์ก โตเกียว ลอนดอน มีผลเชิงเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าหากใช้ Krung Thep Maha Nakhon การออกเสียงจะไปคล้ายกับเมืองหลวงของประเทศอื่นในภูมิภาคที่มีภาษาถิ่นคล้ายกัน และประวัติการสืบค้นใน Google ก็จะทำได้ยากขึ้น
รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา บอกอีกว่า การเปลี่ยนชื่อสถานที่และองค์กร ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ต้องมีเหตุผลที่เป็นประโยชน์ ง่ายต้องการออกเสียง ซึ่งราชบัณฑิตยสภายังไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่เปลี่ยนให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจน จึงอยากให้มีการชี้แจงอีกครั้ง
-ประเด็นร้อนทางการเมืองเมื่อวาน มีการตอบโต้กันระหว่างระหว่าง แรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ กับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่แรมโบ้เคยอยู่ด้วย
เรื่องเริ่มมาจากการพูดของ โทนี วู้ดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการ Care Talk โดยมีผู้ถามถึงกรณีที่นายเสกสกล ไปตั้งพรรคใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวเหมือนเป็นพญาหงส์ ไม่กล้าลงหนองเล็ก เลยปล่อยกิ้งกือ ไส้เดือน แบบแรมโบ้เลื้อยไปตั้งพรรคใหม่ และยังมีการเปรียบเปรย หลังจากมีคนถามถึงแรมโบ้อีกว่า ทำไมเมื่อก่อนรักทักษิณแต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ฝั่งรัฐบาล
โดยเล่าว่า ตนกับลูกชายเคยเลี้ยงหมาไว้ที่บ้าน 50 ตัว ปรากฏว่ามีตัวหนึ่งชื่อว่าแม็กซ์ ชอบกัดเจ้าของตลอด แต่ชอบไปเลียประจบคนให้อาหาร เพราะกลัวไม่ได้กิน พอเปลี่ยนคนให้อาหาร ก็เลียประจบคนใหม่เพราะอยากกิน แต่มาแว้งกัดเจ้าของ
แน่นอน แรมโบ้ ออกมาตอบโต้กลับอย่างดุเดือด และมีการทวงบุญคุณว่า คนที่ทักษิณเปรียบว่าเป็น "เจ้าหมาแม็กซ์" เคยทำให้ทักษิณเป็น ส.ส.ครั้งแรกและเป็นนายกฯมาแล้ว
นายเสกสกล ระบุว่า ตนเป็นคนที่ทำให้นายทักษิณ ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2538 ในนามพรรคพลังธรรม เพราะนายทักษิณ ให้อดีต ผบ.ทบ.คนหนึ่งโทรฯ ตามตนเองให้เข้ามาช่วยในการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ควรที่จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับสุนัขที่บ้านว่าไม่รู้จักบุญคุณคน
จากนั้น นายเสกสกล ก็เล่าว่าตัวเองรู้จักนายทักษิณเป็นอย่างดี ได้ทำงานร่วมกันนานกว่า 20 ปี ยอมรับว่าผิดหวัง เพราะคิดว่านายทักษิณ เป็นคนดี และได้เล่ารายละเอียดกล่าวหานายทักษิณเกี่ยวกับเรื่องการทุจริต
ส่วนเรื่องตั้งพรรค ที่นายทักษิณ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ตนเองไปตั้งพรรคการเมือง และเปรียบตนเป็นกิ้งกือ ไส้เดือน นั้น นายเสกสกล ยืนยันว่าการไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ นายกฯ ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ ตนคิดและดำเนินการเอง
-จับตาวันนี้ คือ ฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายวิจารณ์การทำงานรัฐบาล เป็นวันแรก เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ ทำให้เป็นที่จับตาถึงความเข้มข้นที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่เตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ มีภาพการระดมแกนนำมาติวเข้มและซักซ้อม ประเด็นการอภิปรายให้กับ 35 ส.ส. ที่จะเป็นขุนพลในการอภิปรายครั้งนี้
และยืนยันว่าจะเน้นสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาล ใน 4 ประเด็นได้แก่ ปัญหา เศรษฐกิจปากท้อง / โรคระบาดทั้งในคนและสัตว์ / การเมืองทุจริตคอรัปชั่น / สิ่งแวดล้อมและเรื่องอื่นๆ
ซึ่งการประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายวันแรกวันนี้ ฝ่ายค้านจะเน้นไปที่ประเด็นเศรษฐกิจปากท้อง และจะเปิดการอภิปรายโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน
นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่าอภิปรายครั้งนี้ แตกต่างจากการตั้งกระทู้ถาม ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าใจ เพราะจะเป็นการอภิปราย เพื่อสะท้อนปัญหาภาพรวมที่คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด
ส่วนความพร้อมของพรรคก้าวไกล นอกจากประเด็นเศรษฐกิจปากท้องแล้ว นายพิจารณา เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า พรรคจะเน้นไปที่เรื่องการทุจริต การปล่อยปละละเลยของรัฐบาลในโครงการต่างๆโดยจะเอาข้อมูลบางส่วนที่จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ในเดือน พ.ค. มาเปิดประเด็นให้สังคมได้รับรู้ด้วย
ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า ส.ส.รัฐบาลเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างเต็มที่ แต่หากฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็น จะมีทีมฝ่ายกฎหมายของแต่ละพรรค คอยทักท้วงให้อยู่ในกรอบ
แต่จะไม่ถึงขั้นประท้วงจนทำให้อภิปรายสะดุดลง เพราะเวทีนี้ยังถือเวทีที่เปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงผลงานให้ประชาชนได้รับทราบด้วย