สังคม

แท็กซี่หัวร้อนขับปาดหน้า โดนบีบแตรใส่ ชักดาบซามูไรไล่ฟันหนุ่มส่งของ

โดย nutda_t

16 ก.พ. 2565

225 views

จากกรณีเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 2 โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่ถูกรถแท็กซี่สีส้มคันหนึ่งปาดหน้า และลงมาชักอาวุธมีดเพื่อจะทำร้าย ก่อนจะหลบหนีไป หลังมีชาวบ้านตะโกนห้ามไว้



ทีมข่าวช่อง 3 ได้ติดต่อไปสอบถาม นายอดิศักดิ์ ผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของภาพ จากกล้องหน้ารถคันเกิดเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวาน (15 ก.พ.)ช่วงเวลาประมาณบ่ายสอง ขณะที่ตนเองอยู่ระหว่างการเดินทางขนสินค้าเป็นนม จะไปส่งที่ย่านถนนสุโขทัย พอมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนพระราม 5 ถึงจุดกลับรถแห่งหนึ่ง ขณะนั้นตนเองอยู่ที่เลนขวาสุด และด้านหน้ามีรถแท็กซี่คันก่อเหตุ เบรคกะทันหัน และเหมือนจะกลับรถแต่ไม่ได้มีการเปิดไฟเลี้ยว ตนเองจึงบีบแตรเพื่อเตือน เพราะว่ารถตนเองมีน้ำหนักเบรคกะทันหันเกรงว่าจะไม่อยู่ และกลัวว่ารถที่มาด้านหลังจะเบรคไม่อยู่เช่นกันและอาจเกิดอุบัติเหตุ



แต่ปรากฏว่าผู้ขับขี่รถแท็กซี่ไม่พอใจ มีการหันมามองหน้าผ่านกระจกมองข้าง ก่อนที่ตนเองจะแซงออกมา และมาติดกับไฟแดงด้านหน้า ซึ่งขณะนั้นสังเกตุเห็นว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าว ขับตามหลังมาและแซงขึ้น พร้อมกับปาดหน้า ตนเองจึงเข้าใจว่าต้องการจะพูดคุย จึงจอดรถชิดซ้ายและจะลงไปพูดคุย แต่ปรากฏว่าผู้ขับรถแท็กซี่ ได้ชักอาวุธมีดลักษณะเป็นมีดซามูไร มีความยาวประมาณ 1 เมตร แกว่งฟันไล่ใส่ ตนเองและแฟนได้วิ่งหลบหนี ซึ่งขณะมีการไล่เหวี่ยงมีดและไล่ฟัน ผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีการพูดเป็นระยะว่าบีบแตรทำไม จึงคาดว่าจะไม่พอใจที่ตนเองบีบแตร ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีผู้ขับขี่รถที่สัญจรผ่านไปมา ช่วยกันตะโกนห้ามทำให้แท็กซี่กลับขึ้นรถและขับออกไป โดยที่ตนเองและแฟนสาว รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ ไม่รับความเสียหายหรือบาดเจ็บ



ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ตนเองได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต แต่ทางตำรวจกลับบอกว่า หลักฐานที่ตนเองมีเป็นกล้องหน้ารถไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดี แต่ทราบว่าในเวลาต่อมา ทางตำรวจได้มีการแจ้งว่ามีการเรียกผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะคันดังกล่าว เข้ามาทำการปรับเป็นจำนวนเงิน 100 บาท พร้อมกับยึดอาวุธมีดที่ใช้ในวันก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้มีการแจ้งว่าการปรับดังกล่าวเป็นการปรับจากข้อหาใด เพราะทางตำรวจไม่ได้มีการแจ้งข้อหาของคู่กรณีให้ตนเองทราบ



ด้านพันตำรวจเอกอาคม ชุมพรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ระบุว่า กรณีดังกล่าวได้รับรายงานว่า หลังเกิดเหตุทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งให้รอเพื่อติดต่อทางคู่กรณี เข้ามาพูดคุยเจรจาต่อหน้าพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีทะเลาะวิวาทแต่ทางผู้เสียหายติดภารกิจที่ต้องไปส่งสินค้า ทำให้ต้องออกจากสน. ไปก่อน ทำให้เคลื่อนกับทางคู่กรณีที่เป็นแท็กซี่



ซึ่งภายหลังเมื่อแท็กซี่เดินทางมาถึงที่ สน. ทางพนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อหาและยึดอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งข้อหาที่มีการแจ้งไปคือพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกาย ไม่ได้มีการแจ้ง เนื่องจากยังไม่มีการทำร้ายร่างกายกัน จึงยังไม่ถือว่าเข้าข่ายข้อหานี้ ซึ่งตลอดการสอบสวนทางผู้ขับขี่รถแท็กซี่ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าทำไปเพราะบันดาลโทสะที่ถูกบีบแตรจึงไม่พอใจ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ