สังคม
พรุ่งนี้ ศบค.ถกปรับแผนรับมือโควิด ชงยกเลิก “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิ์ทุกที่”
โดย pattraporn_a
10 ก.พ. 2565
78 views
กระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ปกครองให้เฝ้าระวังเด็กเล็กและวัยรุ่นหลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบติดเชื้อเพิ่มขึ้น และยอมรับว่าแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงแต่ถ้าเทียบกับช่วงที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด ก็พบว่าผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตต่ำกว่า 10 เท่าตัว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้เกินหมื่นคนต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 แล้ว
ศบค.รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,822 คน จากผลตรวจ ATK เป็นบวกอีก 7,754 คน หากรวมกันเพิ่มเป็นกว่า 22,576 คน , หายป่วย 8,503 คน , รักษาตัวอยู่ 105,129 คน แบ่งเป็นอาการหนัก 563 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 114 คน เสียชีวิตเพิ่ม 20 คน และเสียชีวิตสะสม 22,364 คน จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังเป็น กรุงเทพมหานคร 2,635 คน
นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายวัน แนวโน้มยังสูงขึ้นต่อเนื่องจากการเริ่มผ่อนคลายมาตรการและมีกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น สำหรับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบกลุ่มเด็กอายุไม่เกิน 9 ขวบ ติดเชื้อในครอบครัว , กลุ่มอายุ 10-14 ปี และ 15-19 ปี เป็นการติดเชื้อในโรงเรียน ส่วนการสัมผัสผู้ติดเชื้อนอกบ้านและในชุมชน เป็นกลุ่ม 15-19 ปี
ทั้งนี้หากมีการติดเชื้อในบ้าน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ขอให้เว้นระยะห่างจากผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เพราะอาจติดเชื้อและเกิดอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป จะมีอัตราติดเชื้อเสียชีวิตสูงกว่าเด็กเล็กถึง 200 เท่า
ส่วนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันพรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปลี่ยนแนวทางการรักษาโควิด-19 โดยเสนอให้ยกเลิกนโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่" (Universal Coverage for Emergency Patients :หรือ UCEP) ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ แล้วให้ใช้แนวทางรักษาแบบตามสิทธิของประชาชน เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และประกันสุขภาพต่างๆ รวมถึงการปรับราคาค่าตรวจ RT-PCR จะจ่ายอยู่ที่ 900 - 1,100 บาท แต่จะมีไม่คิดค่าตรวจแบบ Swap ส่วนการตรวจ ATK ชนิดแบบที่บุคลากรแพทย์ใช้ (professional use) จะอยู่ที่ 250 - 350 บาท
ส่วนสถานการณ์ในต่างประเทศ ขณะนี้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดแล้ว เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ประกาศยกเลิกการสวมใส่หน้ากากอนามัยภายในอาคารสาธารณะ รวมถึง การแสดงเอกสารฉีดวัควีนตอนใช้บริการในร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสถานบันเทิง แต่จะยังคงมาตรการสวมหน้ากากอนามัยภายในโรงเรียน และพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
ขณะที่เกาหลีใต้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงต่อเนื่อง วันนี้พบอีก 54,122 คน สะสมรวมทั่วประเทศเพิ่มเป็นกว่า 1,185,361 คน ส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเล็กน้อย ต้องรักษาตัวเองที่บ้าน เพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขตึงตัว
ขณะเดียวกันที่ฟิลิปปินส์ แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงสูง แต่ล่าสุดวันนี้ กลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังปิดพรมแดนไปนานเกือบ 2 ปี โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 157 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า สามารถเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ได้ โดยไม่ต้องกักตัว หากฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ