พลังงานเลิกตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได 1 เม.ย.นี้

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ร่วมกันชี้แจงสถานการณ์ราคาพลังงาน และมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบ ขยับตัวสูงขึ้น แตะระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน มีผลให้ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทุกๆ 1 เหรียญที่ปรับขึ้น จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดีเซล 20 สตางค์ต่อลิตร



ซึ่งกระทรวงพลังงาน จะพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซล ให้อยู่ในกรอบไม่เกินลิตรละ 30 บาทต่อไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวม ซึ่งวันนี้กองทุนน้ำมันฯ ได้ใช้เงินในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลกว่า 7,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้กองทุนฯ ติดลบกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องของกองทุน จะใช้ได้ถึงเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะนำเงินกู้ของกองทุนมาใช้



ส่วนข้อเรียกร้องของรถบรรทุก ที่ให้ปรับลดลงราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 25 บาทนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องใช้เงินอุดหนุนราคาน้ำมันมากถึง 17,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งไม่มีแหล่งเงินทุนเข้ามาอุดหนุนราคามากขนาดนั้น ส่วนเรื่องของการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง



ส่วนการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี ที่มาตรการตรึงราคาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนี้นั้น ชัดเจนแล้วว่า กระทรวงพลังงานจะไม่ตรึงราคาต่อ โดยจะทยอยปรับขึ้นราคาแบบขั้นบันได จากที่ตรึงไว้ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ขึ้นเป็น 333 บาท และ 363 บาทตามลำดับ และมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มหาบเร่ แผงลอย โดยการให้ส่วนลดราคาก๊าซแอลพีจี เพิ่มจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท ต่อ 3 เดือน โดยที่ผ่านมาการตรึงราคาก๊าซแอลพีจีมานานถึง 2 ปี ใช้เงินอุดหนุนไปกว่า 25,000 ล้านบาท