พระราชสำนัก

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงติดตามโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ใน จ.แม่ฮ่องสอน

โดย kodchaporn_j

11 ม.ค. 2565

90 views

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามการดำเนินงาน โครงการตามพระราชดำริ ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่


วันนี้ เวลา 12.25 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไป ทรงติดตามการดำเนินงาน โครงการตามพระราชดำริ ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ที่ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนพลเอกอรชุน พิบูลนครินทร์ บ้านลุกข้าวหลาม อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน


ที่เปิดทำการสอนเมื่อปี 2559 สังกัดกองกำกับการ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 เดิมชื่อ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านลุกข้าวหลาม ซึ่งมีพระราชกระแส ให้พัฒนาศูนย์การเรียน เพื่อเป็นที่ระลึกแด่พลเอกอรชุน พิบูลนครินทร์


ปัจจุบันมีนักเรียนระดับอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 52 คน ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้จัดการเรียนการสอนตามปกติ เพราะไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ แต่ได้ปฎิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด มีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ 1 คน ชมรมศิษย์เก่าฯ มีสมาชิก 20 คน


นอกจากนี้ ชุมชนยังเป็นกรรมการสถานศึกษา ที่ช่วยพัฒนาสภาพแวดล้อม ทั้งปลูกไม้ผล และเตรียมสถานที่ เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ด้วยนักเรียนเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ จึงจัดกิจกรรมฝึกวิชาชีพ การปักผ้าลายลาหู่ดำ และจักสานไม้ไผ่ โดยนำความรู้จากวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นจากผู้มีความรู้มาสืบทอดให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง และให้นักเรียนแต่งชุดประจำเผ่า ทุกวันศุกร์ ด้านการเรียนการสอน ในแต่ละรายวิชา มีคะแนนเพิ่มขึ้น แต่วิชาภาษาไทย ต้องมีการสอนเสริมหลังเลิกเรียน แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4- 6 วันละ 1 ชั่วโมง


ด้านกิจกรรมสหกรณ์ ส่งเสริมการออมทรัพย์ และฝึกบันทึกบัญชี ด้านสุขภาพอนามัย ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคไข้หวัด โรคกระเพาะ และท้องร่วง ส่วนคนในพื้นที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบทุกคนตามเกณฑ์


กิจกรรมห้องสมุด มีบรรณารักษ์น้อยคอยดูแล และมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน " คำศัพท์จากนิทาน" โดยให้พี่ ป.4-ป.6 อ่านนิทาน แล้วให้น้องเขียนคำศัพท์ลงสมุดเล่มเล็ก และตอบแทนด้วยเครื่องเขียน ช่วยให้นักเรียนสนใจใช้ห้องสมุด ทั้งเป็นการเสริมความเข้าใจในวิชาภาษาไทยด้วย


กิจกรรมประกอบเลี้ยงอาหารกลางวัน ยังมีผักไม่เพียงพอ แก้ไขด้วยการปลูกพืชอายุยาว เช่น ชะอม ไชยา และพืชตระกูลฝัก รวมทั้งปลูกถั่วเพิ่มในพื้นที่หมู่บ้าน ส่วนกิจกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร นำกล้วยมาทำข้าวต้มมัด ,กล้วยฉาบ และน้ำพริกกล้วย ขายผ่านสหกรณ์ ส่วนการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรของโรงเรียน และหมู่บ้าน สำนักงานชลประทานที่ 1 แม่ฮ่องสอน และสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลที่ 1 ลำปาง ได้เข้ามาสำรวจ เพื่อหาแหล่งน้ำตามความต้องการต่อไป


จากนั้นเวลา 14.29 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจกรรมโครงการตามพระราชดำริ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านใหม่พัฒนาสันติ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีนักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 51 คน มีครูใหญ่เป็นครูในโครงการคุรุทายาท รุ่นที่ 2 ซึ่งได้นำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาโรงเรียนให้ก้าวหน้า ในการนี้ คณะผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อสมทบกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร


ทั้งนี้โรงเรียนดำเนินกิจกรรม ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และได้รับโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ขยายการพัฒนาจากโรงเรียนสู่ชุมชน ก่อให้เกิดการพึ่งพา เกื้อกูลกันในด้านองค์ความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเกษตร และการสืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น


โดยราษฎรในท้องถิ่นที่เป็นชาวปกาเกอะญอ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการความร่วมมือทั้งด้านวิชาการ และการปฏิบัติ อาทิ การส่งเสริมการทอผ้าพื้นเมืองที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยปราชญ์ชาวบ้าน สามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว , การแปรรูปและถนอมอาหารจากผลผลิตทางการเกษตร ในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน


โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมสนับสนุนเตาอบ และตู้อบให้กับทางโรงเรียน นอกจากนี้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก พร้อมจัดสร้างโรงเรือน โรงเพาะกล้า และโรงเลี้ยงหมูหลุม ทำให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้การเพาะกล้าพันธุ์ และการปลูกผักที่ถูกวิธี และยังส่งผลให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ปกติ


ในการนี้ ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานสำนักงาน กปร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดหาน้ำให้แก่ราษฎรบ้านแม่นาจร หมู่ที่ 5 อำเภอแม่แจ่ม ให้มีน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค และดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพียงพอตลอดทั้งปี ในการนี้ ทรงห่วงใยเรื่องความสะอาดของน้ำ ที่ใช้ในการบริโภคของนักเรียนและชุมชน ทรงเน้นย้ำให้เสริมสร้างความรู้แก่ชุมชนเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องการกรองน้ำ และต้มน้ำ เพื่อให้ได้น้ำที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค