สังคม

หลักฐานแน่น! กล้องจับชัด พนง.วางเพลิงโกดังอ้อมใหญ่ แค้นใจโดนกดดัน ถูกนายจ้างดุด่า

โดย thichaphat_d

2 ธ.ค. 2564

140 views

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ได้ควบคุมตัวนางสาวสิราสินี (สงวนนามสกุล) หรือ แอน อายุ38 ปี หัวหน้าคลังสินค้า บริษัท ประภากรออยล์ จำกัด หลังเจ้าหน้าที่กู้ข้อมูลกล้องวงจรปิด พบนางสาวสิราสินี อยู่ในจุดเกิดเหตุเพียงลำพัง เจ้าตัวจำนนต่อหลักฐานสารภาพเป็นคนจุดไฟเผากระดาษนำไปวางบริเวณถังน้ำมันหล่อลื่น ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ลามทั้งโกดัง สาเหตุความคับแค้นใจที่ถูกนายจ้างดุด่า


ผู้สื่อข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในโกดัง พบว่าก่อนเกิดเหตุในช่วงเวลาเที่ยง ขณะที่คนงานทั้งหมดออกไปทานอาหารพักเที่ยง ปรากฏภาพของนางสาวสิราสินี อยู่ภายในบริเวณที่เก็บสินค้าเพียงคนเดียว เดินวนเวียนโดยในมือมีกระดาษเช็กสต๊อกสินค้า ขนาด เอ 4 อยู่ในมือ


จากนั้นนางสาวสิราสินี เดินเข้าไปยังกองวัตถุที่วางน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีทั้งบรรจุถังและบรรจุกล่องเตรียมที่จะส่งจำหน่าย จุดไฟเผากระดาษที่ถืออยู่แล้ววางที่พื้นบริเวณที่มีกล่องบรรจุน้ำมันหล่อลื่น ถึง 2 จุดด้วยกัน ห่างกันประมาณ 20 เมตร จากนั้นได้เห็นกลุ่มไฟลุกขึ้น จากนั้นนางสาวสิราสินี ก็เดินออกมาจากโกดัง


วานนี้ (1 ธ.ค.) พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้าสอบสวน นางสาวสิราสินี ผู้ต้องหาเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำมันเครื่อง รวมกว่า 1 แสนลิตร โรงงานเสียหายเกือบทั้งหมด ความเสียหายทั้งหมดประมาณ 40 ล้านบาท ก่อนจะนำเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุมาแถลงข่าว


ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานเพียงพอ อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม สำหรับการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานแห่งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้ และสาเหตุก็คนละสาเหตุกัน แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้มายื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด


จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมว่าทำคนเดียวหรือร่วมกับผู้อื่นหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่ระบุว่าเป็นการโกรธแค้นเจ้านายที่ถูกดุด่า ก็อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นสาเหตุอื่นๆ ด้วย ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนคดี


เบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหา คือ วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ซึ่งข้อหานี้มีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต,ให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน ,แจ้งความเท็จกับเจ้าพนักงาน


ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีความเชื่อมโยงกับเหตุไฟไหม้ครั้งแรกหรือไม่ (ไฟไหม้รอบแรกอีกจุดหนึ่ง/ไม่ใช่โกดังแห่งนี้) ส่วนบริษัท ประภากรออยล์ เบื้องต้นพบว่าทางจังหวัดนครปฐม สั่งระงับใบอนุญาตให้มีการเก็บน้ำมันเครื่อง ตั้งแต่เมื่อเดือน 28 เมษายน 2564 ซึ่งหลังจากนี้จะต้องไปตรวจสอบว่าทางบริษัทยังดำเนินการได้อย่างไร และมีการเก็บน้ำมันรวมถึงมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่


ด้านนางสาวสิราสินี (ผู้ต้องหา) ให้การกับตำรวจว่า “โดนกดดัน โดนเฮียปิงด่าทุกวัน ด่าพนักงานแบบไม่ยั้ง ที่ตัดสินใจลงมือเผา เพราะก่อนจะก่อเหตุ ตนได้ยินเสียงคนที่มาตลาดพูดว่าอยากให้เฮียปิงล่มจม ตั้งแต่เกิดเหตุเกิดไฟไหม้รอบแรก ในวันเกิดเหตุตนเข้าไปเช็กสต๊อก ทำเป็นประจำทุกวัน วันเกิดเหตุตัดสินใจเผาโกดัง โดยใช้กระดาษธรรมดาจุดด้วยไฟแช็ก ไม่คิดจะให้ไหม้ขนาดนั้น ตนจุดไฟเดินในโรงงานปกติ รู้ว่าจุดนั้นมีกล้องวงจรปิด ไม่ได้หลบมุมกล้อง ”


จากนั้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โกดังน้ำมันเครื่องจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าสภาพพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่นำสแลนสีดำและเชือกมาปิดกั้น ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านในโกดัง เพื่อทำการเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด ส่วนน้ำในคลองอ้อมใหญ่ติดกับโกดังฯ กลายเป็นสีดำเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง ส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ


ขณะที่เพื่อนคนงานที่ทำงานอยู่กับผู้ผู้ต้องหา เมื่อทราบว่านางสาวสิราสินี หลายคนบอกแทบไม่อยากเชื่อ ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือเผา ที่ผ่านมาไม่เคยมาเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง ไม่เคยได้ยินนายจ้างดุด่าต่อว่า พอทราบข่าวก็ตกใจ หลายคนบอกว่าทำให้พวกคนงานที่ทำงานอยู่ในโกดังแห่งนี้ต้องตกงานไปด้วย ขณะนี้รอการช่วยเหลือจากนายจ้างว่า จะหาทางช่วยเหลืออย่างไร


ด้านนายพิภัช อึ้งประกากร เจ้าของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เปิดเผยว่า ประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การว่าก่อเหตุเพราะคับแค้นที่ถูกนายจ้างดุด่า ตนยืนยันว่าตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี ที่นางสาวแอนทำงานบริษัทนี้มา ก็ดูเป็นคนร่าเริงปกติ ไม่เคยแสดงอาการหรือท่าทีไม่พอใจ โดยตนเองก็ไม่เคยด่าทอลูกน้อง มีบ้างที่ตำหนิตักเตือนเวลาทำงานผิดพลาดเท่านั้น เพราะนางสาวแอนเป็นถึงระดับหัวหน้างาน


ล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ ที่แล้วตนได้บอกกับนางสาวแอนว่า โกดังสกปรก ให้แบ่งพื้นที่เก็บสินค้า และแบ่งพื้นที่และคนมาตรวจ ให้ทำความสะอาดขี้นก ยืนยันไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง เป็นการตำหนิเรื่องงานเท่านั้น ซึ่งนางสาวแอน ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ส่วนนายนภรุจ อึ้งประภากร ลูกชายที่ทำงานคลุกคลีกับพนักงาน ก็ยิ่งไม่ตำหนิเลย เป็นคนรักลูกน้อง สิ้นเดือนก็พาไปกินข้าวกันทุกเดือน


หลังทราบจากตำรวจว่าผู้ก่อเหตุคือนางสาวแอน ทั้งลูกชายและพนักงานคนอื่น ๆ ก็รู้สึกผิดหวังกันหมด ยิ่งเพื่อนร่วมงานไม่เชื่อว่านางสาวแอนจะเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุว่าจะเป็นการก่อเหตุเพราะคับแค้นใจจริง หรือเป็นการทำลายหลักฐานเพื่อปกปิดบางอย่าง ตนก็ตอบไม่ได้ ไม่กล้าเดา แต่ในสายตาก็ยังคิดว่านางสาวแอนเป็นคนดี


อย่างไรก็ตาม ตนได้ขอให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นของการรับจ้างวางเพลิงด้วย แต่ก็ยืนยันว่าตนไม่มีศัตรูหรือคู่แข่งทางธุรกิจ ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นบทเรียนให้กับตนว่า ระบบป้องกันอะไรก็ไม่เท่าการดูแลคน โดยนายพิภัช ยังได้ยกมือไหว้ขอโทษ ที่ตนดูแลคนงานของตัวเองไม่ดี ทำให้กระทบต่อสังคม หากตนใส่ใจเห็นปัญหาของพนักงานมากกว่านี้เหตุการณ์ก็คงไม่เกิด


นายพิภัช ยืนยันด้วยว่า ทางบริษัทพร้อมจะชดใช้ความเสียหายต่อทรัพย์สินชาวบ้านที่สูญเสีย และยินยอมรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม ชุมชนที่ได้รับผลกนะทบ ยอมรับผิดที่นำน้ำมันเครื่องไปจัดเก็บในโกดังเป็นการชั่วคราวหลังไฟไหม้ไปเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องรอเบิกจ่าย


โดยหลังจากนี้ยินยอมให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมทางจังหวัดดำเนินการตามกฎหมาย หลังเก็บน้ำมันผิดหลักผังเมือง ส่วนตอนนี้จะไปตั้งโรงงานใหม่ในพื้นที่อื่นในที่ทุ่งนา 3 ไร่ ห่างไกลชุมชน และจะออกแบบให้ถูกต้องตามผังเมือง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ehkAmtX7two

คุณอาจสนใจ