สังคม

จับตาพายุลูกใหม่ 2 ลูก 'ไลออนร็อก-คมปาซุ' เข้าไทย 11-16 ต.ค. อีสานเจอก่อน

โดย thichaphat_d

6 ต.ค. 2564

315 views

วานนี้ (5 ต.ค. 64) นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา กำลังเฝ้าติดตามแนวโน้มโอกาสเกิดพายุลูกใหม่ ซึ่งขณะนี้พบเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณฝั่งตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์


มีแนวโน้มทวีกำลังแรงก่อตัวเป็นพายุ เคลื่อนที่ไปทางทะเลจีนใต้ และขึ้นเหนือไปทางเกาะไหหลำเข้าสู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนเหนือ


คาดว่าช่วงค่ำของวันที่ 10 ตุลาคม ส่งผลให้ประมาณวันที่ 12 - 13 ตุลาคม พื้นที่ตอนบนของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบนจะมีฝนตกมากขึ้น


ส่วนพายุจะมีระดับความรุนแรง หรือส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นเพียงคาดการณ์ ยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบกับช่วงดังกล่าวมีอิทธิพลของความกดอากาศสูงที่เคลื่อนตัวลงมาปะทะกับพายุ จึงทำให้พายุอ่อนกำลังลง คาดอาจมีลักษณะคล้ายกับพายุโกนเซินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้


ขณะที่ภาพรวมยังคงมีฝนตกกระจายทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากอิทธิพลจากร่องมรสุม


นอกจากนี้ยังเฝ้าจับตาถึงความเป็นไปได้ของโอกาสเกิดพายุอีกลูกหนึ่ง ที่บริเวณตอนเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ที่อาจจะเคลื่อนที่เข้ามาทางทะเลจีนใต้และอ่าวไทย และส่งผลกระทบกับภาคตะวันออกของไทย


ด้านนายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือทีมกรุ๊ป ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมจากแบบจำลองมองไปข้างหน้า 7 วัน พื้นที่ จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี เริ่มลดลง จ.อ่างทองจะลดช้า เพราะมีพื้นที่ลุ่มต่ำ และต้องเฝ้าระวังพื้นที่ อ.บางบาล อ.บางไทร จ.พระนครอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี และกรุงเทพฯ จะมีน้ำสูงขึ้น 15-30 ซม.


นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าจับตาพายุที่จะพัดเข้ามในประเทศไทยอีก 2 ลูก ในช่วงเดือน ต.ค. ลูกแรกจะเข้ามาช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. ชื่อพายุไลออนร็อก พัดมาจากฟิลิปปินส์ผ่านไหหลำ เข้าเมืองวินห์ประเทศเวียดนาม เข้าไทยพื้นที่จังหวัดอีสานเหนือ ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ อุดรธานี สกลนครบางพื้นที่ และเลย จะต้องระมัดระวังเรื่องน้ำที่ระบายช้า


ทั้งนี้ พื้นที่อยู่ติดแม่น้ำโขงไม่น่าห่วง เพราะระบายลงแม่น้ำโขงได้ แต่พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณแม่น้ำสงครามและท่าอุเทน จะท่วมนาน ส่วน อ.เมืองนครพนม และ จ.บึงกาฬ จะระบายน้ำลงแม่น้ำโขงได้ ส่วนหนองคายอาจระบายช้า เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะที่ จ.อุดรธานีต้องระมัดระวังตัวเมือง ระบายน้ำไม่ทัน


นายชวลิต กล่าวอีกว่า พายุอีกลูกเป็นพายุหมายเลข 18 ชื่อ คมปาซุ ช่วงวันที่ 13-16 ต.ค.จะผ่านเข้าประเทศไทยทางจังหวัดอีสานเหนือ แต่อาจจะมาไม่ถึง จ.เพชรบูรณ์ และ จ.ลพบุรี ต้องรอดดูผลกระทบที่ประเทศฟิลิปปินส์ว่ารุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงจะมาถึงลุ่มแม่น้ำป่าสัก จ.พระนครศรีอยุธยา ซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วมเดิม



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/a3reaIMX4X8

คุณอาจสนใจ

Related News