สังคม

ตร.แจงขั้นตอนการดำเนินคดี อดีตผู้กำกับโจ้ ต่อ กมธ. เคลียร์ปมข้อสงสัยการทำคดี

โดย narisa_n

2 ก.ย. 2564

144 views

2 ก.ย. 64 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ได้เชิญ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่งก่อเหตุใช้ถุงคลุมศรีษะผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต หลังมีกระแสข่าวว่าคดีดังกล่าวอาจเป็นไปโดยมิชอบ โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมฟัง


ในที่ประชุม พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดี ว่าข้อหาที่พนักงานสอบสวน แจ้งดำเนินคดีกับอดีตผู้กำกับโจ้ ขณะนี้มี 3 ข้อหาเบื้องต้นเท่านั้น คือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้อื่นเสียหาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆหรือไม่กระทำการใด แต่หากผลการสอบสวนพบว่ามีการทำผิด เข้าข้อกฎหมายอื่นก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนประเด็นแจ้งข้อมูลเท็จ ต่อโรงพยาบาล ทางพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่ม เนื่องจากยังรอผลความเห็นยืนยันจากแพทย์และเพิ่งได้รับการยืนยันมา ทำให้ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มตามมาตรา 172 และมาตรา 267 ของประมวลกฎหมายอาญา ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้รูปคดีอ่อนลง


อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของอดีตผู้กำกับโจ้ ทรมานผู้ต้องหาโดยใช้ถุงครอบหัวผู้ต้องหาหลายชั้นนั้น ความเห็นของคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้ มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผล เป็นการฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยการทรมาน


ส่วนประเด็นการซ้อมทรมานผู้ต้องหาเพื่อรีดไถเงินจากผู้ต้องหานั้น รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า คณะทำงานสืบสวนได้ตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและภรรยารวมถึงพ่อของผู้เสียชีวิตแล้ว ไม่ปรากฎพฤติการณ์กระทำผิดฐานเรียกรับเงินแต่อย่างใด


ขณะที่ประเด็นอดีตผู้กำกับโจ้ ไปล่อซื้อยาเสพติดจากผู้ต้องหา ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า มีการลงบันทึกการล่อซื้ออย่างถูกต้อง และภรรยาของผู้ตายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ให้การตรงกับบันทึกการล่อซื้อยาเสพติด ถือได้ว่าการล่อซื้อยาเสพติดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่าชอบโดยกฎหมาย


ด้าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่อดีตผู้กำกับโจ้ติดต่อเข้ามาขอมอบตัว โดยช่วงหนึ่งมีการเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองไปรอรับตัวอดีตผู้กำกับโจ้ หน้าโรงพัก สภ.แสนสุข ว่าในวันดังกล่าวตนเองยืนอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามของโรงพักไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวโรงพักตามที่สื่อนำเสนอ ส่วนภาพที่เห็นขบวนรถชุดคุ้มกันเลี้ยวเข้าโรงพักแล้ววนออกมา เป็นเพราะเลี้ยวผิด ตนจึงแจ้งว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ยอมรับว่าเวลานั้นตนเองรู้สึกกลัว กลัวว่าชุดจับกุมจะมาล้อมจับหาว่าตนเองเป็นคนพา ผู้กำกับโจ้หลบหนี เหมือนกัน


ส่วนประเด็นเรื่องรถเก๋งสีขาวที่มาส่งอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ว่าจำป้ายทะเบียนไม่ได้นั้น พลตำรวจตรีเอกรักษ์ บอกว่าจำยี่ห้อได้ว่ารถเก๋งมาสด้า แต่สมาธิตอนนั้นอยู่ที่ตัวผู้ต้องหา ทำให้ไม่ได้ไปชะโงกดูว่ารถป้ายทะเบียนว่าหมายเลขอะไร และคิดว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่แล้วจำนวนมาก จึงไม่จำเป็นต้องสังเกตว่ารถป้ายทะเบียนอะไร


“ผมหายใจก็ผิด สื่อบอกว่าเป็นถึง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แต่จำป้ายทะเบียนรถไม่ได้ แต่ต่อให้ผมจำได้ก็ผิดอยู่ดี ว่าท่องมาดีจำเลขทะเบียนได้ ผมยอมรับว่าคดีนี้ผมกล่อมให้โจ้มามอบตัวเพราะผมคิดว่าถ้านำผู้ต้องหาทั้ง 7 คนมาดำเนินคดีได้ สังคมจะเชื่อมั่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมถึงยอมเสี่ยง และขอยืนยันว่า ผมและอดีตผู้กำกับโจ้ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันเลย” รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ