เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' ชูป้ายกลางสภา ท้วง 'มหาดไทย ระหว่างถกงบ ย้ำ "กำแพงกันคลื่นต้องทำ EIA"

โดย kodchaporn_j

20 ส.ค. 2564

354 views

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วันนี้ (20 ส.ค. 64) มีการพิจารณางบประมาณกระทรวงสำคัญ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงมหาดไทย


โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย วงเงินงบประมาณ 259,593 ล้านบาท (ไม่รวมงบรายจ่ายประจำ) ซึ่งกรรมาธิการ ปรับลด ไปจำนวน 744 ล้านบาท ขณะที่การอภิปราย ส.ส. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กับโครงการอบรม สัมมนา ที่เป็นการใช้งบประมาณโดยไม่มีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม และการจัดซื้อจัดจ้างทรัพย์สินต่างๆที่ไม่เหมาะสม ต่อสถานการณ์


น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล อภิปรายชี้ว่า มีโครงการอบรมที่ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์โควิด-19 และควรยุบโครงการนี้ทิ้งไป วงเงินกว่า 932 ล้านบาท เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง อาทิ


- โครงการปลูกฝังจิตสำนึกรักสามัคคีของคนในชาติ วงเงิน 290 ล้านที่ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2559


- โครงการสร้างคุณธรรมจริยธรรมและความโปร่งใส วงเงิน 379 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น


น.ส.วรรณวรี ตั้งข้อสังเกตว่าการนำคนมาอบรมนั่งฟัง สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ แต่กลับมีการตั้งเป็นงบผูกพัน ที่ต่อเนื่องหลายปี และตัวชี้วัดใช้เพียงจำนวนคนที่เข้าอบรมเป็นตัวชี้วัด ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เลย และในสถานการณ์โควิด-19 เห็นว่าไม่สามารถจัดอบรมใดๆได้เลย จึงเสนอให้ยกเลิกโครงการอบรมที่เป็นการคว้าน้ำเหลวทั้งหมดด้วย


ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายตั้งคำถาม ถึงการพิจารณางบประมาณ ในชั้นกรรมาธิการ ว่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะงบประมาณ ของกระทรวงมหาดไทย ในส่วนการก่อสร้างในโครงการต่างๆ เช่นการสร้างอาคารศาลากลาง หอประชุม จังหวัดต่างๆ วงเงินนับกว่าพันล้าน ในชั้นอนุกรรมาธิการไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน หน่วยงานที่มาชี้แจงก็ไม่มีคำตอบ และไม่มีเอกสารให้พิจารณาอย่างชัดเจน


จึงถามว่า การพิจาณณางบประมาณกรรมาธิการได้พิจารณาเงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์หรือไม่ ดังนั้นขอให้พิจารณาด้วยความเคารพประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษีของประเทศ เพราะการปกปิดย่อมทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น


เช่นเดียวกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างของประทรวงมหาดไทย ที่ไม่มีการปรับลด ทั้งที่งบสวัสดิการของประชาชนถูกตัดลง แต่กลับมีการจัดสรรงบก่อสร้าง กว่า 22,000 ล้านบาท เช่นการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการระดับสูง กว่า 140 ล้าน สร้างที่ว่าการอำเภอ กว่า 260 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการของบประมาณ สร้างจวนผู้ว่า กว่า 136 ล้านบาท ทั้งที่สถานการณ์เช่นนี้ ควรนำงบประมาณไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 เยียวยาประชาชน จึงขอให้มีการปรับลดงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยลง จำนวน 7,810 ล้านบาท


ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. พรรคประชาชาติ อภิปรายขอปรับลดงบประมาณกระทรวงมหาดไทย 10% เนื่องจากมีการตั้งงบขอเช่ารถประจำตำแหน่ง ในปี 2565 มากถึง 568 คัน เป็นรถรองผู้ว่าราชการจังหวัด ถึง 171 คัน ทั้งที่สถานการณ์เช่นนี้ ควรใช้รถคันเก่าไปก่อน


ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณางบประมาณของกระทรวงมหาดไทย นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.ก้าวไกล เสนอตัดงบฯ 10% โดยยกตัวอย่างโครงการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยเป็นงบก่อสร้างกำแพงกันคลื่นริมชายหาด โครงการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจดังกล่าวในงบปี 65 รวมทั้งสิ้น 1,090 ล้านบาท


นายกัญจน์พงศ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องปรับลด เพราะโครงการนี้แก้ปัญหาไม่ได้ในทุกมิติ และก่อให้เกิดปัญหาในพื้นที่ข้างเคียง อาจเป็นโครงการที่ไม่มีจุดสิ้นสุดชัดเจน และบางโครงการซ้ำซ้อนกับโครงสร้างเดิม รวมถึงยังไม่จบกระบวนการรับฟังความเห็น เป็นการมัดมือชกให้กับประชาชน


นายกัญจน์พงศ์ ย้ำว่า การรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้การดำเนินงานของภาครัฐสร้างความขัดแย้งในสังคมภายหลัง และต้องมาตามแก้ไขปัญหา


จากนั้น ส.ส.พรรคก้าวไกลได้พร้อมใจกันชูป้ายที่มีข้อความว่า "กำแพงกันคลื่นต้องทำ EIA" จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 333 เสียง ไม่มีไม่เห็นด้วย


ขณะที่การพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางถึงปัญหาการนำเข้า และส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าการเกษตรของไทย ใช้เวลาการอภิปรายถึง 4 ชั่วโมง


โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย เสนอปรับลดงบฯ 7% ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะจัดงบ ไม่ตอบสนองโจทย์ และภาวะปัญหาของประเทศในขณะนี้ ส่วนเรื่องร้าน "ธงฟ้า" ขอให้ท้องถิ่นนำสินค้า OTOP ไปขายได้และอย่าเก็บค่าเช่า เพื่อกระจายสินค้าในท้องถิ่น


ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศ ควรนำ SME ของไทยไปเปิดในตลาดต่างประเทศ ส่วนกรมการค้าระหว่างประเทศ ขอให้ตั้งเป้าหมายการทำ FTA ในปี 65-66 เพราะส่งผลถึงการส่งออก เปรียบเทียบกับเวียดนามที่ส่งออกได้ดี โดยเฉพาะข้าว เนื่องจากเวียดนามทำ FTA กับหลายประเทศมากกว่าไทยหลายเท่า


ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย เสนอปรับลดงบฯ 5% หรือ 180 ล้านบาท เนื่องจากความล้มเหลวในการดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งต้นทุนต่าง ๆ ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ขึ้นราคากว่าเท่าตัว และกลไกการตลาดมีปัญหา โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยล้งอย่างน้อย 50 แห่งปิดรับซื้อลำไย อ้างส่งสินค้าไปจีนไม่ได้ แต่เป็นกลไกไม่ให้สินค้าไทยไปตีตลาด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีแผนรองรับ กระทบเกษตรกร พร้อมเรียกร้องดูแลราคาสินค้าเกษตรอื่น ๆ นอกจากพืชเศรษฐกิจหลัก


ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสนอปรับลดงบประมาณกระทรวงพาณิชย์ ลง 2% เนื่องจากผลงานในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตสินค้าการเกษตรตกต่ำน่าผิดหวัง โดยปีนี้ได้รับการจัดสรรไปกว่า 3,600 ล้านบาท หากกระทรวงพาณิชย์ทำงานมีประสิทธิภาพ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้คงจะลดลง


โครงการหลัก คือ โครงการประกันรายได้ เป้าหมายให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นจากการขายผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ 15,000 บาท ข้าวหอมปทุม 11,000 บาท ข้าวขาว 10,000 บาท โดย 2 ปีที่ผ่านมา เคยได้ยินเกษตรบอกหรือไม่ว่าขายได้ 15,000 หมื่นนบาท


ซึ่งเป็นความผิดหวังและอยากสะท้อนเสียงความเดือดร้อนไปยังกระทรวงพาณิชย์ ให้รับทราบและปรับปรุงการทำงานและแก้ไขการใช้งบประมาณในปีนี้ อย่างไรก็ตามการประชุมในวันนี้เป็นการพิจารณารายมาตราในวาระที่2 ซึ่ง พิจารณาได้เพียงครึ่งทาง จากทั้งหมด 42 มาตรา ทำให้ที่ประชุม วันนี้ จะมีการประชุมไปจนถึง เที่ยงคืน เพื่อพักการประชุมและขยายเวลาไปพิจารณาต่อในวันพรุ่งนี้ เป็นวันที่ 4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ