สังคม

‘ตาบุ้ง’ วัย 78 ปี ติดเชื้อโควิดอาการทรุดในห้องเช่า ลูกสาว เผย ทำใจไว้แล้วไม่ใส่ท่อช่วยหายใจกลัวพ่อทรมาน

โดย pichaya_s

19 ส.ค. 2564

348 views

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือนายงี่เฮง (สงวนนามสกุล) หรือตาบุ้ง อายุ 78 ปี อาศัยอยู่ในห้องเช่า ภายในซอยอรุณอมรินทร์ 36 กรุงเทพฯ ติดเชื้อโควิด อาการแย่ วัดค่าออกซิเจนในเลือด 91 % นอนซมตัวสั่นอยู่ในห้องเช่าพร้อมกับนางบุญศรี อายุ 71 ปี ภรรยา และหลานชาย อายุ 13 ปี ซึ่งภรรยาและหลานชายก็ติดเชื้อโควิดด้วยประเมินอาการแล้วไม่หนักเป็นผู้ป่วยสีเขียว


เบื้องต้นนั้นอาสาลมหายใจฉุกเฉิน นำถังออกซิเจนไปใส่ให้กับคุณตาบุ้ง เนื่องจากหายใจติดขัด คอยวัดค่าออกซิเจนในเลือด เมื่อเห็นอาการไม่สู้ดี ทีมข่าวจึงช่วยประสาน 1669 ศูนย์เอราวัณ ส่งทีมแพทย์มาประเมินอาการ วัดไข้ วัดความดัน วัดค่าออกซิเจนในเลือด สอบถามมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง พร้อมทั้งประเมินอาการให้ภรรยาของคุณตาและหลานชายด้วย ก่อนนำตัวคุณตาบุ้ง ใส่เปลนอนเข็นไปขึ้นรถพยาบาลจอดหน้าปากทาง ส่งไปรักษา รพ.กลาง


นางบุญศรี ภรรยาของคุณตาบุ้ง ขณะนี้กักตัวอยู่ในห้องเช่ากับหลานชาย 2 คน อาการดีขึ้นแล้วจะไปตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านั้นคุณตาบุ้ง มีอาการไอแห้ง ๆ จมูกไม่ได้กลิ่น จึงหายาฟ้าทะลายโจรมากิน ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าติดเชื้อยังเดินเหินเป็นปกติ/ ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. ตนกับสามีคือตาบุ้ง พากันไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.ศิริราช แต่คิวเต็มไม่ได้ตรวจเพราะรับตรวจแค่ 100 คน


จึงกลับมาตรวจคัดกรองที่จุดบริการใต้สะพานพระราม 8 ในช่วงเช้าของวันที่ 1 ส.ค. /ช่วงบ่ายตาบุ้งกับหลานชายวัย 13 ปี ก็ได้ไปตรวจหาเชื้อหน่วยบริการจุดเดียวกัน ก่อนจะทราบผลในเวลาต่อมาว่าตา ยาย หลาน รวม 3 คน ติดเชื้อโควิดทั้งหมด จากนั้นก็พากันกักตัวอยู่ในห้องเช่าไม่ออกไปไหน มีอาสาฯ นำถุงยังชีพ อาหารแห้ง สมุนไพรมาให้ต้มสูดต้ม คุณตายบุ้ง พอทราบว่าตัวเองติดเชื้อก็กินอะไรไม่ได้ ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำ นอนอย่างเดียวลุกขึ้นนั่งไม่ได้ ถามอาการเป็นยังไงบ้างก็ไม่พูดได้แต่ส่ายหน้า ตนเห็นอาการสามีไม่ไหวแล้วจึงประสานไปยังอาสาลมหายใจฉุกเฉิน เข้ามาดูนำถังออกซิเจนมาให้และวัดค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ


นางบุญศรี กล่าวว่า “อยากให้รักษาสามีให้หายเพราะเราดีขึ้นแล้ว หมอบบอกว่าเชื้อลงปอด ติดเชื้อในกระแสเลือดอาการทรง ๆ หากไม่ไหวก็คงปล่อยให้ไป เพราะเขาสู้ไม่ไหวแล้ว ลูกสาวก็บอกให้ทำใจ หมอจะเจาะคอ ตนก็บอกไม่ต้องเจาะหรอกปล่อยแกไปเถอะจะได้สบาย ไม่ต้องมาทรมานใส่โน้นใส่นี่ ถ้าแก้สู้ไหวก็คงสู้แล้ว ตอนนี้ยายทำใจแล้ว”


โดย 3-4 ที่แล้วตนก็เพิ่งสูญเสียพี่สาวไป เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด หลังกลับไปรักษาตัวที่ รพ.สนาม ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ จ.จันทบุรี นอนได้เพียง 2 คืนนั้น “ตนเองรอดตายมาได้ก็บุญแล้ว คิดว่ามันยังคงไม่ถึงคราว” ตอนนี้กังวลไม่รู้ว่าเชื้อตายไปหรือยัง จะติดเชื้ออักหรือไม่ แต่พยายามป้องกันรักษาตัวเอง ไม่ออกไปที่ไหน


ด้านลูกสาวของคุณตาบุ้ง เผยว่า ตนพักอยู่บ้านคนละหลังกับพ่อ หลังจากที่คุณพ่อเข้าโรงพยาบาล ตนจะโทรสอบถามอาการทุกวัน เมื่อวานนี้ (18 ส.ค.) ได้ไปโรงพยาบาล ไปคุณกับหมอเจ้าของไข้ แจ้งว่าพ่อมีเสมหะเยอะทำให้หายใจติดขัด เหนื่อยหอบ พูดไม่ได้ ต้องใช้เครื่องความดันออกซิเจนแบบสูงสุด หมอถามว่าถ้าไม่ไหวแล้วจะให้ใส่ท่อช่วยหายใจมั้ย ถ้าใส่พ่อจะทรมานเจ็บปวด หากกลับมาอาจไม่เหมือนเดิม ตนเซ็นเอกสารไม่ขอใส่ท่อช่วยหายใจ ท้ายสุดแล้วขอให้พ่อไปแบบไม่เจ็บปวด


“ตนกังวลว่ากลัวว่าโรงพยาบาลจะปล่อยลอยแพ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังมีผู้ป่วยอีกเยอะที่ต้องการเตียง ตนทำใจมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว เพราะหมอพูดเหมือนไมมีทางเลือกให้ ทุกวันนี้ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือรับโทรศัพท์ รู้สึกหลอนกลัวโรงพยาบาลโทรมาแจ้งข่าวร้ายของคุณพ่อ


หากมีวิธีไหนช่วยคุณพ่อได้ก็อยากให้ช่วย แต่ถ้าใส่ท่อช่วยหายใจ เจาะคอ ตนไม่อยากให้พ่อเจ็บปวด ตอนนี้คงจะช่วยยื้อชีวิตพ่อได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล ไม่น่าจะรอดตั้งแต่อยู่บ้านแล้ว”


ลูกสาว เผยต่อว่า วันที่นำพ่อส่งถึงโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืน เช้าวันรุ่งขึ้นทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งให้มารับตัวคุณพ่อกลับบ้านเพราะเป็นกลุ่มสีเขียว ปอดไม่เป็นอะไร ไม่มีไข้ ไม่ไอทุกอย่างปกติ ตนตัดสินใจจะไปรับคุณพ่อมารักษาที่บ้านโดยให้กินยาตามอาการ ต้มยาให้กิน /ช่วงบ่ายหมอโทรมาแจ้งว่าพ่ออาการทรุด/ ล่าสุดเมื่อวาน (18 ส.ค.) ตนไปโรงพยาบาล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตนอ้อนวอนขอหมอเข้าไปเยี่ยมพ่อสักครั้ง แต่เข้าไปไม่ได้ พยาบาลจึงเอาโทรศัพท์เข้าไปถ่ายภาพคุณพ่อให้



แท็กที่เกี่ยวข้อง  ตาบุ้ง

คุณอาจสนใจ