นาทีพายุงวงช้างพัดถล่มฉะเชิงเทรา บ้านพังถล่มทับชาวบ้านเจ็บ

วานนี้ (25 ก.ค.) ปรากฏภาพพายุงวงช้าง เป็นภาพที่ถ่าย บริเวณบ่อกุ้งในพื้นที่ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เผยภาพความรุนแรงของพายุที่พัดกระหน่ำในหลายพื้นที่ของ อ.บางคล้า กลุ่มเมฆฝนสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว มีฟ้าผ่าเป็นระยะ

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. กู้ภัยฉะเชิงเทราได้รับแจ้งเหตุพายุงวงช้างพัดบ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายหลัง ที่บริเวณ หมู่ 1,3,6,7,10,11 รวม 6 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย

ที่บริเวณ ถ.ปากน้ำ-หัวไทร ม.7 ได้เกิดหม้อแปลงไฟระเบิดสายไฟขาดทำให้ไฟฟ้าดับทั้งตำบล เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าได้เร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จ และยังมีบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายอีกหลายหลัง และพบมีอีกหลายหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายหลังคาเปิดทั้งหลังมีรถได้รับความเสียหายหลายคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสิ่งของกระแทกอีกหลายคน

แต่บ้านหลังที่เสียหายหนักที่สุด เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ไม่ทราบเลขที่ หมู่ที่ 6 ได้ถูกพายุพัดถล่มลงมาทั้งหลัง มีคนติดอยู่ใต้ซากบ้านได้รับบาดเจ็บจากการถูกไม้ทับ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ป้องกันเทศบาลปากน้ำ และชาวบ้านได้เร่งให้การช่วยเหลือ ได้ช่วยกันงัดตัวไม้นำร่างผู้บาดเจ็บออกมาจากซากบ้านได้อย่างปลอดภัย ทราบชื่อนายอดิศร ชะม้ายกลาง ได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก และหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบางคล้า

จากการสอบถามนายสมหวัง ชะม้ายกลาง พ่อผู้บาดเจ็บได้เล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านอีกหลังและผู้บาดเจ็บเป็นลูกชายได้โทรหาตนและบอกให้พ่อรีบมาไวๆ บ้านล้มทับหนูทำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งพอมาถึงเห็นสภาพบ้านพัง เรียกได้ยินแต่เสียง จึงได้ตะโกนบอกให้ลูกใจเย็นๆและได้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ

ขณะที่ อ.พนมสารคาม เสาไฟฟ้าแรงสูงในอำเภอพนมสารคาม ล้มหักโค่นนับสิบต้น รวมถึง บ้านเล้อ ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ในขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยภาคตะวันออก ระดมออกให้การช่วยเหลือตัดต้นไม้ กิ่งไม้ที่ล้มหักโค่นขวางถนน พนมสารคาม ไปบางคล้า ระยะกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อเปิดการจราจรให้ชาวบ้านสัญจร

โดยเฉพาะเพื่อเปิดทางให้รถซ่อมบำรุงไฟฟ้าอำเภอพนมสารคาม ได้เข้าพื้นที่ในการตัดต้นไม้ที่ล้มทับแนวสายไฟฟ้าจนทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่น การให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะเมื่อคืนฝนกระหน่ำตกต่อเนื่อง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชม. จึงจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ และเตรียมช่วยเหลือประชาชนที่บ้านถูกพายุพังทั้งหลังออกมาอยู่ในที่ที่เหมาะสม และจะได้ประเมินความเสียหายเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือต่อไป