ผอ.สถาบันวัคซีน จ่อเจรจาร่วม "โคแวกซ์" ขอโทษนำเข้าวัคซีนล่าช้า

วันนี้ (21 ก.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยยังเพิ่มต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดอีกครั้งที่ 13,002 คน นอกจากตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้ว เรื่องที่ประชาชนได้แสดงความรู้สึกสะเทือนใจก็คือ การเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ตามถนน หรือชุมชนต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงขอโทษประชาชน ที่นำเข้าวัคซีนล่าช้า พร้อมยืนยันเตรียมเจรจาเข้าร่วมโครงการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 อย่างเสมอภาค หรือ โคแวกซ์ หลังจากไทยปฏิเสธการเข้าร่วมมาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในไทย เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

โดย ทีมบริหารกระทรวงสาธารณสุข ทั้งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ร่วมชี้แจงปัญหาการจัดหาวัคซีน โดยนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ยอมรับว่า การจัดหาวัคซีนไม่ทันตามเวลาและความต้องการ ทั้งหมดเป็นข้อจำกัดของสถานการณ์ ทางสถาบันฯ ได้พยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังจัดหาวัคซีนได้ในจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอ พร้อมกล่าวขอโทษประชาชน

ส่วนโครงการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเสมอภาค หรือ โคแวกซ์ ที่องค์การอนามัยโลกและหลายองค์กร ได้รวมตัวกันเพื่อเชิญประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือด้านวัคซีนจากทั่วโลก ให้เข้าร่วมตั้งแต่เดือนเมษายน ปีที่แล้ว แต่ไทยไม่ได้เข้าร่วม ทำให้ที่ผ่านมา ไทยจึงไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านวัคซีนจากโครงการดังกล่าว เรื่องนี้ นายแพทย์นคร ระบุว่า ไทยยังคงอยู่ในโครงการโคแวกซ์ แต่ยังไม่มีการลงนามความร่วมมือจัดหาวัคซีน โดยขณะนี้ได้เตรียมการเริ่มเจรจา หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ก็จะทำเรื่องให้คณะทำงานพิจารณาต่อไป

ด้าน นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในการแถลงร่วมกันครั้งนี้ว่า ที่หลายคนสรุปว่าเกิดการทุจริต มีเรื่องเงินทอนนั้น ขอยืนยันว่า ทำงานทุกอย่างตามขั้นตอนข้อกฎหมาย ตรวจสอบได้ ไม่มีเรื่องทุจริตเด็ดขาด

นอกจากการแถลงของทีมบริหารกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ศบค. ได้แถลงยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ที่เป็นสถิติสูงสุด คือ 13,002 คน มาจากระบบเฝ้าระวัง 9,012 คน ตรวจเชิงรุก 2,910 คน และวันนี้จากเรือนจำก็เพิ่มกลับมาเป็นหลักพัน คือ 1,049 คน เสียชีวิตเพิ่ม 108 คน ผู้ป่วยรักษาอยู่ 131,411 คน เพิ่มจากเมื่อวานเกือบ 5 พันคน อยู่ในโรงพยาบาล 74,168 คน ,โรงพยาบาลสนาม 57,243 คน อาการหนัก 3,786 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 879 คน

ในส่วนของกรุงเทพมหานคร จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า เป็นการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย เกินครึ่ง คือ 53.9% หลักๆอยู่ที่เขตจตุจักร บางรัก จอมทอง คลองเตย และหลักสี่ ส่วนสายพันธุ์อัลฟ่า อยู่ที่ 45.6%

นอกจากนี้ ศบค.ยังได้ประกาศเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยสั่งปิด 10 สถานที่เสี่ยงควบคุมการแพร่ระบาด รายละเอียดตามกราฟิกที่ขึ้นบนจอครับ