สังคม

โฆษกรบ. แจง เหตุห้ามนั่งทานอาหารในร้าน เพราะติดเชื้อจากการไม่ใส่แมสก์- แหกกฎดื่มเหล้า

โดย kodchaporn_j

29 มิ.ย. 2564

93 views

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถามแทน นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่รัฐออกมาตรการให้ซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้าน ทั้งที่ร้านอาหารไม่ใช่คลัสเตอร์ ว่าก่อนหน้านี้ทาง ศบค. ได้ผ่อนคลายให้มีการรับประทานในร้านอาหารได้


แต่จากการสอบสวนโรคปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อจากการไปรับประทานอาหารในร้านพอสมควร จากการถอดหน้ากาก พูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร มีการดื่มแอลกอฮอล์ ถึงแม้บางจังหวัดจะมีการออกกฎห้ามก็ยังมีการดำเนินการในลักษณะต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ แต่จากนี้คงไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ทั้งหมด


ดังนั้นจึงมีแนวคิดว่า มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เป็นทางที่ดีที่สุด ซึ่งเมื่อผู้ติดเชื้อจากร้านอาหาร นำเชื้อกลับไปแพร่ระบาดกับครอบครัวที่บ้าน ที่ไม่ได้ออกมาร่วมกิจกรรม ดังนั้นจากสถิติตรงนี้ อาจารย์ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของนายกรัฐมนตรี จึงได้เสนอให้มีมาตรการเข้มงวด ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การมีมาตรการที่เข้มขึ้นจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน และทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง


นายอนุชา กล่าวถึง มาตรการช่วยเหลือศิลปินฟรีแลนซ์ ลูกจ้างพนักงานผู้ประกอบการ สถานบันเทิง นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยกับทีมเศรษฐกิจนอกเหนือจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ในส่วนออกระเบียบฉบับที่ 25 ผู้ประกอบการรายอื่นนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาที่จะมีมาตรการเยียวยาให้เร็วที่สุด


ส่วนที่มีหลายจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้กับผู้มีอายุ 60 ปี และผู้ที่มี 7 โรคกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากมีวัคซีนไม่เพียงพอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรนั้น นายอนุชา กล่าวว่า ขอยืนยันว่าในส่วนที่มีการเจรจาจากกับผู้ผลิตทั้งแอสตราเซเนกา ซึ่งยืนยันว่าจะส่งมอบวัคซีน ให้กับรัฐบาลไทยในจำนวนเดิมที่มีการเจรจากันไว้คือ 61 ล้านโดส


ซึ่งในเดือนมิถุนายน ยืนยันแล้วว่าจากเดิมจะส่งมอบ 6 ล้านโดส ยังเป็นไปตามเดิม เช่นเดียวกับวัคซีนชนิดอื่น ที่จะมีการเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ซิโนแวค ได้รับการยืนยันจากประเทศจีนว่าจะมีเพิ่มเติมเข้ามา


หรือล่าสุดทางครม. รับทราบว่า ทางประเทศญี่ปุ่นก็จะมีการส่งวัคซีนให้กับประเทศไทย 1,050,000 ล้านโดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคม ก่อนที่จะมีการฉีดให้ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคกลุ่มเสี่ยง นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการจัดลำดับความสำคัญ โดยให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมที่ลงทะเบียนประมาณ 6,000,000 กว่าคน ได้รับการฉีดตามกำหนดการเดิม


ส่วนการที่จะระบุว่าวัคซีนซิโนแวค ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ ไม่ดีพอ รัฐบาลจะมีการทบทวน การนำเข้าวัคซีนชนิดนี้อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการจัดหาวัคซีนตัวอื่นเข้ามานั้น นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดคุย และหารือกับที่ปรึกษาที่เกี่ยวกับสาธารณสุขในส่วนต่างๆ ของวัคซีนอื่นๆ ที่จะนำเข้ามา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็รับฟังที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขเพื่อ พิจารณาจัดการวัคซีนใหม่ๆ เพื่อให้ทันท่วงทีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ