สังคม

ลูกสาวร้องสื่อ สายอินเทอร์เน็ตเกี่ยวคอพ่อเจ็บสาหัส ไร้วี่แววหน่วยงานช่วยเหลือ

โดย sujira_s

31 พ.ค. 2564

672 views

เมื่อวันนี้ (31 พ.ค. 64) ผู้สื่อข่าวได้รับคำร้องเรียนข้อความ จากเฟสบุ๊ค ทำทุกอย่างเพื่อลูก.จัสมิน ฟามัส ณัฐณิชา โดยมีภาพของบิดาที่ขับรถจักรยานยนต์ล้มกลางถนน ขณะเกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 25 พ.ค.64 ที่ผ่านมา โดยมีสายอินเตอร์เน็ตที่พาดผ่านถนน ห้อยขาดอยู่ริมไหล่ทาง ผู้บาดเจ็บเป็นบิดาของตนเอง ที่ถูกสายอินเตอร์เน็ตเกี่ยวเข้าที่บริเวณลำคอ และมีร่องรอยเขียวช้ำ หลอดลมเกือบขาด ซึ่งต่อมาถูกส่งไปรักษาที่ โรงพยาบาลระนอง ในสภาพถูกเจาะคอเพื่อช่วยหายใจ โดยบุตรสาวได้ร้องเรียนมีข้อความว่า


“หนูขอความช่วยเหลือจากชาวระนองเป็นกระบองเสียงให้หนูหน่อย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตามเรื่องคดีให้หน่อยค่ะ เมื่อวันที่ 25 พ่อหนูได้ขี่รถจักรยานยนต์มากับน้องอีก 2 คน ถ.สายหินช้าง เเละได้มีสายอินเตอร์เน็ตห้อยขว้างถนนอยู่ เวลานั้นฝนตก เลยทำให้พ่อมองไม่เห็นเลยชนเข้าคอพ่อ ทำให้รถล้ม หนูรีบพาพ่อไปโรงพยาบาล จากนั้นประมาณ15 นาที พ่อบอกหนูว่า พ่อเริ่มลิ้นชาเเละหายใจไม่ออกคอของพ่อบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว หมอเลยใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นอีก 20 นาที คุณหมอได้เดินมาบอกว่าหัวใจของพ่อหยุดเต้นไป 2 รอบเเละจะช่วยอย่างเต็มที่ ปั๊มหัวใจจนพ่อกลับมา จากนั้นคุณหมอได้ทำการผ่าตัด จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาการของพ่อยังอยู่ในขั้นวิกฤติมาก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด หนูขอความเมตตาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือหนูหน่อย”


ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดระนอง เดินทางไปถึงภายหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน และตรวจสอบพบ ผู้บาดเจ็บรายนี้ คือ นายอุสมาน นาบสนั่น อายุ 52 ปี อาชีพชาวประมงพื้นบ้าน บิดาของนางณัฐนรินทร์ นาบสนั่น หรือ น้องม๊ะ บุตรสาว อายุ 23 ปี เป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุไม่มีใครมาแสดงความรับผิดชอบ หรือเข้ามาดูแล พร้อมได้ติดตามลงพื้นที่เกิดเหตุทันที เพื่อพบกับบุตรสาวของผู้บาดเจ็บ โดยจุดเกิดเหตุดังกล่าว เป็นถนนทางหลวงชนบท รน 4010 ถนนสายระนอง-บ้านหินช้าง จุดเกิดเหตุ อยู่ช่วงหลัก กม.ที่ 6-7 บ้านในไร่ ม.3 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งเป็นถนนเลียดชายฝั่งแม่น้ำกระบุรี ตัดจากถนนสายหลักเพชรเกษมมายังท่าเรือน้ำลึก จ.ระนอง


ในที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านนับสิบคนในละแวกใกล้เคียง ที่ทราบว่าผู้สื่อข่าวเดินทางมา ได้ออกมาร่วมชี้ยังจุดเกิดเหตุ ที่สายอินเตอร์เน็ตจากเสาไฟฟ้าริมทางต่อมายังบ้านเรือนประชาชน ในลักษณะขวางถนนแล้วเกิดสายหย่อนห้อยลงมา และเป็นเวลาเดียวกับที่นายอุสมาน นาบสนั่น หรือ บังหมาน ขับรถจักรยานยนต์ พาบุตรชายอีก 2 คนซ้อนท้ายผ่านมาพอดี ก่อนถูกสายอินเตอร์เน็ตบาดรัดเข้าที่ลำคอ ก่อนรถจักรยานยนต์ล้ม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน ส่วนบุตรชายอีก 2 คนปลอดภัย


นางณัฐนรินทร์ หรือน้องม๊ะ ได้นำชี้ท่อนสายอินเตอร์เน็ตที่ยังขาดอยู่ คนละฝั่งถนน ก่อนข้ามถนนไปหยิบสายอินเตอร์เน็ตที่ขาด และยังกองอยู่บนไหล่ถนนมาให้ดู พร้อมชี้จุดที่รถจักรยานยนต์ของบิดาล้มบนถนน ตรวจสอบริมไหล่ทางเพิ่มเติม พบว่ามีสายอินเตอร์เน็ตที่ขาดอยู่ จำนวน 2 เส้น น้องม๊ะได้กล่าวเสริมว่า วันที่เกิดเหตุ มาตอนที่บิดาได้รับบาดเจ็บถูกสายอินเตอร์เนตห้อยขวางถนน ขาดเพียง 1เส้น หลังจากนั้นมีรถผ่านมา เลยทำให้สายขาดทั้ง 2 เส้น ตามที่ปรากฏอยู่


นางณัฐนรินทร์ หรือน้องม๊ะ ได้นำชี้ท่อนสายอินเตอร์เน็ตที่ยังขาดอยู่ คนละฝั่งถนน ก่อนข้ามถนนไปหยิบสายอินเตอร์เน็ตที่ขาด และยังกองอยู่บนไหล่ถนนมาให้ดู พร้อมชี้จุดที่รถจักรยานยนต์ของบิดาล้มบนถนน ตรวจสอบริมไหล่ทางเพิ่มเติม พบว่ามีสายอินเตอร์เน็ตที่ขาดอยู่ จำนวน 2 เส้น น้องม๊ะได้กล่าวเสริมว่า วันที่เกิดเหตุ มาตอนที่บิดาได้รับบาดเจ็บถูกสายอินเตอร์เนตห้อยขวางถนน ขาดเพียง 1เส้น หลังจากนั้นมีรถผ่านมา เลยทำให้สายขาดทั้ง 2 เส้น ตามที่ปรากฏอยู่


โดยเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพ่อได้ถูกนำส่งที่อนามัย แต่ได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐานไว้ที่มีสายอินเตอร์เน็ตห้อยขวางถนนอยู่และยังไม่ขาด แต่เมื่อตำรวจมาถึงภายหลังสายอินเตอร์เน็ตได้ถูกรถบรรทุกที่วิ่งไปมา กระชากขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อพาพ่อไปที่โรงพยาบาลระนอง หมอได้เอ็กซเรย์ หลังจากนั้นพ่อเริ่มมีอาการลิ้นชา เริ่มหายใจไม่ออก พ่อสั่งว่าอย่าไปไหนให้อยู่กับพ่อ และตนไปบอกกับหมอว่าพ่อหายใจไม่ออก หลังหมอดูอาการและมาบอกกับตนว่า จะใส่เครื่องช่วยหายใจให้พ่อไหม ตนไปถาม พ่อได้พยักหน้าเพราะเริ่มพูดไม่ได้แล้ว หลังจากเข้าผ่าตัดได้ประมาณ 15 นาที หมอกลับมาบอกว่าพ่อหัวใจหยุดเต้น ไปถึง 2 รอบ แต่ก็ได้ช่วยพ่ออย่างเต็มที่


พอหมอกลับเข้าไปอีกรอบ หมอบอกว่า พ่ออาจจะจากไปได้ตลอดเวลา และถามว่าว่าจะทำการผ่าตัดโดยวิธีการเจาะคอมั๊ย เพื่อช่วยในการหายใจ หากไม่ทำจะเป็นการเสี่ยงเหมือนกันทั้ง 2 ทาง จึงคิดว่า ถ้าทำแล้วช่วยพ่อได้ ก็ทำ หากไม่ทำอะไรเลย พ่อจะไม่มีโอกาสอะไร พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลมาแล้ว 5 วัน ยังไม่มีใคร หรือหน่วยงานไหนไปดูแลรับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งวันที่เกิดเหตุเป็นวันอังคารที่ 25 ตรงกับวันเกิดของตนพอดี เวลาเกิดเหตุประมาณบ่ายโมงครึ่ง


พร้อมเล่านาทีชีวิตต่อว่า หลังจากที่หมอใส่เครื่องช่วยหายใจ หัวใจพ่อหยุดเต้น โดยหมอออกมาบอกว่าได้ช่วยอย่างเต็มที่ แต่ให้ญาติได้ทำใจไว้ก่อน พอหมอกลับเข้าไปแล้วออกมาประมาณ 15 นาที หมอบอกว่าพ่อหัวใจหยุดเต้นไป 2 รอบ แต่ตอนนี้คุณหมอสามารถช่วยพ่อให้ฟื้นกลับมาได้แล้ว แต่แผลภายในของพ่อได้รับการกระทบกระเทือนมาก ต้องทำการผ่าตัด แต่อาจจะเสียชีวิตบนเตียงได้ แต่หากเราไม่ทำอะไรเลยคุณพ่อจะไม่มีโอกาส


จากวันนั้นจนวันนี้พ่อยังอยู่ในอาการโคม่าอยู่ พ่อก็เหนื่อย ทีนี้ตนเองอยากจะขอร้องว่า ตนไม่ทราบว่าสายไฟหรือสายอินเตอร์เน็ตมันหล่นมาได้อย่างไร แต่พ่อไม่สมควรต้องมารับเคราะห์ พ่อไม่ควรต้องมาเจ็บอย่างนี้ ยังโชคดีที่น้องไม่เจ็บมาก ถ้าน้องเป็นอะไรไปอีกคน ตนจะทำอย่างไร


ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อแล้วเราอยากวอนให้ช่วยอะไร น้องม๊ะกล่าวตอบว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มารับผิดชอบหรือมาหาว่าเหตุมาจากอะไร พ่อมีอาการสาหัสมาก โอกาสรอดเพียง 10 % ไม่มีใครมาดูแลเลย ช่วยเห็นใจครอบครัวหน่อย เพราะหนูไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก่อนที่จะกล่าวต่ออีกครั้งว่า ตอนนี้คือยังไม่มีใครมาช่วยเหลือ หรือมีใครมาดูแล อยากให้ตำรวจช่วยเร่งให้สายอินเตอร์เน็ตเครือข่ายนั้น มาช่วยดูแลมาช่วยรับผิดชอบหน่อย ตนรู้ว่า ทุกคนไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุนี้ และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเอง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ต้องมีคนมารับผิดชอบใช่ไหมคะ


นายวิชัย ขุนภักดี อายุ 59 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวให้ความเห็นว่า ทำอย่างไรได้บ้างที่จะไม่ให้สายนี้ตกหล่นลงมา ขวางถนนทางที่รถวิ่งกันอยู่ทุกวันทุกวัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของจังหวัดระนอง แต่ต่อไปไม่รู้ว่าจังหวัดไหน เราก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก แล้วจะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ออกมารับผิดชอบ สายเคเบิ้ลแบบนี้ ให้มาดูแลให้เรียบร้อย อย่าให้มีครั้งต่อไปเกิดขึ้น อย่าให้ประชาชนล้มเจ็บล้มตายมากว่านี้ แต่ที่นี้ก็หนักอยู่แล้วโคม่าอยู่ จะมีหน่วยงานไหนเข้ามารับผิดชอบ ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

คุณอาจสนใจ