สังคม

เปิดแผนจัดการคลัสเตอร์เรือนจำเชียงใหม่ มั่นใจเชื้อไม่เล็ดลอดสู่ภายนอก

โดย thichaphat_d

18 พ.ค. 2564

89 views

คืบหน้าคลัสเตอร์เรือนจำ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3,929 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 6,469 คน ทั้งที่ใช้มาตรการ Bubble & Seal ซึ่งจำนวนดังกล่าวแทบจะเท่ากับยอดผู้ติดเชื้อสะสมของทั้งจังหวัดเชียงใหม่ในการระบาดระลอกเดือนเมษายน 64 ที่จากข้อมูลรายงานสรุปของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 16 พ.ค.64 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 4,000 คน


นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2564 จำนวน 144 คน โดยตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 ได้เร่งการควบคุมการระบาด โดยใช้มาตรการการควบคุมโรคในรูปแบบ “บับเบิ้ล แอนด์ ซีล” (Bubble and Seal) หรือการจำกัดคนเข้า-ออก เป็นเวลา 28 วัน เพื่อควบคุมโรคทุกแดนของพื้นที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่


ซึ่งคล้ายๆการ Lockdown และเร่งสร้างโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำในแดน 6 ให้มีมาตรฐาน โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,กองทัพภาคที่ 3 และกรมการแพทย์ทหารบก กองทัพบก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไป มีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด


ขณะเดียวกันทำการคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด และตรวจหาภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคนทุก 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะเหลือผู้ต้องขังที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงไม่เกิน 10% และเรือนจำปลอดเชื้อ ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และตามแผนจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 ส่วนตัวเลขจำนวนผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 3,000 คนนั้น ยืนยันว่าทุกอยู่ภายใต้การดูแลรักษาอย่างดี


ขณะที่ผู้พ้นโทษยังจะต้องได้รับการกักตัวอีก 14 วันใน local quarantine หรือสถานที่ที่จัดไว้ให้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ต้องขังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและไม่ส่งผลกระทบกับชุมชน


ส่วนนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เป็นการควบคุมโรคในพื้นที่ปิดเพื่อจำกัดไม่ให้มีการระบาดระหว่างแดน เป็นเวลา 28 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.64 โดยเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนและเร่งให้การรักษา พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่มีศักยภาพสูงในการรักษาคนไข้


ซึ่งตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี มีเพียง 6 รายเท่านั้นที่อาการหนักจำเป็นต้องส่งตัวรักษาในโรงพยาบาลหลัก ขณะที่การตรวจหาภูมิคุ้มกันจะทำหลังกักตัวครบ14วัน 2 รอบ ซึ่งตามทฤษฎีจะเหลือผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียง10% โดยเวลานี้เหลืออีกประมาณ1สัปดาห์จะครบและทำการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 5 วัน จากนั้นจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้ได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 ตามแผน


ทั้งนี้ย้ำว่าจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกลางไม่มีผลต่อการพิจารณาปรับระดับพื้นที่ควบคุมของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเป็นการระบาดในพื้นที่ปิดและไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริง


ส่วนประเด็นตัวเลขผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 นั้น ยอมรับว่าจำนวนมากกว่า 3,000 ราย อย่างไรก็ตามมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นตัวเลขที่มีความเคลื่อนไหว แต่ประเด็นสำคัญยืนยันว่าทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีและไม่มีเชื้อเล็ดลอดออกมา


ด้านนายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ยืนยันว่า ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้แล้ว ซึ่งเรือนจำกลางเชียงใหม่เป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด มี 10 แดน เริ่มเกิดเหตุจากแดน 4 ที่เป็นแดนแรกรับ มีการตรวจหาเชื้อและกักตัว โดยมีการแยกขังผู้ต้องขังใหม่อย่างน้อย 14 วัน ในห้องที่มี 7 ห้อง ซึ่งระหว่างที่แยกขังนั้น ยังมีการไปทำกิจกรรมในแดนอื่นทำให้เกิดการระบาด


โดยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องขอโทษทุกฝ่าย และถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญว่าจากนี้การกักตัวเพียง 14 วัน อาจจะไม่เพียงพอและอาจต้องทำการตรวจหาเชื้อทุกวัน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีด้วยมาตรฐานสาธารณสุขเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป และมีการให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อกินฟ้าทลายโจร,วิตามินซี และขิงขาว ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีและทำให้มีภูมิคุ้มกันด้วย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/V2z5oQ-7sWM

คุณอาจสนใจ

Related News