สังคม

ไทยทำนิวไฮ! ยอดติดเชื้อรายใหม่เกือบ 5 พันราย จากคลัสเตอร์เรือนจำ 'สมศักดิ์' ยันไม่เคยปกปิดข้อมูล ราชทัณฑ์ ตั้ง 'ลาดยาวโมเดล' รับมือ

โดย panwilai_c

13 พ.ค. 2564

50 views

ภาพรวมสถานการณ์โควิดเมืองไทยวันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำนิวไฮเป็นเกือบ 5 พันคน หลังจากพบผู้ติดเชื้อในเรือนจำเกือบ 3 พันคน


ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ คือ 4,887 คน โดย ศบค.ได้แยกส่วนที่เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ หรือที่ต้องขัง ออกมาเป็นอีกกลุ่มย่อย ซึ่งมีถึง 2,835 คน หายป่วย 1,572 คน ถ้าเทียบกับตัวเลขวันก่อนที่ผู้หายป่วยจะอยู่ที่ประมาณ 2 พัน ก็ถือว่าวันนี้ยอดผู้หายป่วยลด และเสียชีวิต 32 คน


กทม. มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ 17 คน รองลงมาเป็นนครราชสีมา 3 คน และเนื่องจากผู้ป่วยรักษาหายก็น้อยลง และมียอดผู้ติดเชื้อจากเรือนจำและทัณฑสถานหญิงอีกเกือบ 3 พันคน ทำให้ยอดผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่วันนี้พุ่งเกิน 3 หมื่น คือ 32,661 คน และ อยู่ในโรงพยาบาลเท่าๆเดิม คือ 20,451 คน แต่ในส่วนของโรงพยาบาลสนามพุ่งขึ้นจาก 9 พันกว่าคน ไปเป็น 12,210 คน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือกลุ่มผู้ต้องขังนั่นเอง


การแพร่ระบาดในเรือนจำที่พุ่งสูง ทำให้เกิดคำถามว่าที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์จงใจปกปิดข้อมูลหรือไม่ ส่วนต้นตอการแพร่ระบาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมบอกว่า ในเรือนจำหญิงอาจจะมาจากผู้ต้องขังใหม่ ส่วนเรือนจำชายอาจจะมาจากผู้คุมที่รับเชื้อมาจากภายนอก


นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สรุปสถานการณ์เเพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ และทัณฑ์สถานหญิงกลาง ยอดล่าสุดอยู่ที่ 2,835 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 คน และผู้ป่วยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 คน พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยปกปิดข้อมูล และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก เพราะขณะนี้อยู่ในระยะเชื้อฟักตัว


ผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่อยู่ รพ.สนาม จำนวน 1,295 คน ผู้ป่วยโควิดเขียว 1,146 สีเหลือง 145 ผู้ป่วยสีแดง 4 คน หนึ่งใน 4ราย ใช้เครื่องช่วยใจ 1 ราย เนื่องจากมีโรคประจำตัวเส้นเลือดในสมองตีบ


ซึ่งแนวทางการรักษาขณะนี้ ต้องสำรองยาฟาวิพิราเวีย 148,000 เม็ด กำลังสั่งซื้ออีก 1 แสนเม็ดโดยจะให้ผู้ที่มีอาการผู้ป่วยสีเหลือง เพื่อยับยั้งอาการเชื้อลงปอด


ส่วนต้นตอของการแพร่ระบาดในเรือนจำครั้งนี้สันนิษฐานว่า ที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง อาจจะเกิดจากผู้ต้องขังใหม่ที่เข้ามา ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพเจ้าหน้าที่น่าจะติดเชื้อจากด้านนอก แล้วรับเชื้อเข้ามาภายใน พร้อมคัดเเยกผู้เสี่ยงสูง ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง จากฝั่งธนบุรี เเละ คลองเตย ให้เเยกออกจากกันอย่างชัดเจน และ จะทำการตรวจหาเชื้อซ้ำทุก7วัน และ 14 วัน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกด้วยว่า 1 มาตรการที่เร่งทำเพื่อควบคุมโรคในเรือนจำ คือ การลดความแออัดของนักโทษ จาก 3 แสน 9 หมื่นคน ตอนนี้เหลือ 3 แสน 1 หมื่นคนแล้ว ขณะนี้ทาง รพ.ราชทัณฑ์ สำรองยา ฟาวิพิราเวีย จำนวน 148,000 เม็ด กำลังสั่งซื้ออีก 100,000 เม็ด เพือรองรับจำนวนผู้ติดเชือ 2,833 คน โดยจะให้ผู้ที่มีอาการผู้ป่วยสีเหลือง เพื่อยับยั้งอาการเชื้อลงปอด


มาตรการคัดกรองหลังจากนี้จะใช้มาตรการ คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า bubble and seal มีการ คัดเเยกผู้เสี่ยงสูง ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง จากฝั่งธนบุรี เเละ คลองเตย ให้เเยกออกจากกันอย่างชัดเจน และ จะทำการตรวจหาเชื้อซ้ำทุก 7 วัน และ 14 วัน หลังจากนี้จะรายงานสถานการณ์ทุกวัน


ทั้งนี้ได้มีการประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดหาวัคซีนสำหรับผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ ส่วนญาติผู้ต้องขัง ทางเรือนจำพยายามทยอยแจ้งให้ทราบโดยเร็ว หรือ ญาติผู้ต้องขังก็สามารถสอบถามผ่านไลน์ออฟฟิเชียลของราชทัณฑ์ รวมถึงสอบถามมาทางเรือนจำที่อยู่ได้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตรวจสอบให้


ขณะที่เมื่อเช้าที่ผ่านมา อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ประกาศทำ "ลาดยาวโมเดล" ดูแลผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันการดูแลเทียบเท่าประชาชนทั่วไป นาย อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ยอมรับว่ามีการแพร่ระบาดรุนแรงตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงประกาศจัดตั้ง "ลาดยาวโมเดล" เผย 3 มาตรการรับมือ คือ

1. Bubble and Seal เรือนจำที่มีการระบาดใหญ่จะลดการรับตัวผู้ต้องขังรายใหม่ลง และไต่สวนผ่านระบบคอนเฟอร์เรนท์

2. ผู้ต้องขังรายใหม่และผู้ต้องขังที่ออกนอกนอกเรือนจำ ต้องกักตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน และเร่งตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุด ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะจำหน่ายไปยังแดนทั่วไป

3. เจ้าหน้าที่เรือนจำทุกแห่งให้อยู่ในพื้นที่บ้านพัก ลดการสัมผัสกับครอบครัว และต้องเข้ารับตรวจ Swab ค้นหาการติดเชื้อที่อาจรับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัวโดยวิธี RT- PCR ทุก 14 วัน


ด้านนาย วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยอมรับว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้มีความไวต่อการติดเชื้อได้สูง แสดงอาการช้า และมีภาวะแทรกซ้อนอันตราย ซึ่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีบุคลากรเฉพาะด้านที่ไม่เพียงพอ ต้องเร่งจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือเพิ่มเติม เช่น เวชภัณฑ์ ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวีย ยากลุ่มพิเศษอยู่นอกบัญชียาหลักซึ่งมีราคาสูง รวมถึงวัสดุในการตรวจคัดกรองเชื้อ เช่น ชุด PPE ชุด Rapid test และพัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา น้ำยาทำความสะอาด ของใช้อื่น ๆ และระบบการกำจัดขยะติดเชื้อที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งต้องเร่งดำเนินการจัดหาเพื่อเตรียมความพร้อม



สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/hJ5PyT1y1KA


คุณอาจสนใจ

Related News