เลือกตั้งและการเมือง
คนเสื้อแดง จัดงานรำลึก 11 ปี สลายชุมนุมปี 53 'ณัฐวุฒิ' เรียกร้องปล่อยตัวเยาวชน
โดย passamon_a
11 เม.ย. 2564
45 views
วันที่ 10 เมษายน 2564 ครบรอบ 11 ปี สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ปี 53 โดยมีหลายกลุ่มจัดกิจกรรม และพิธีไว้อาลัย
นายจตุพร พร้อมมวลชน จัดรำลึก 11 ปี 10 เมษา สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 ชี้ความตายไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศ เพียงเพราะเรียกร้องประชาธิปไตย ย้ำเวทีไทยไม่ทนที่ผ่านมาคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น ย้ำของจริงในเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่อีกกลุ่ม จัดงานรำลึก 11 ปี วีรชน 10 เมษา 53 เรียกร้องปล่อยตัวเยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายณัฐวุฒิ ระบุว่า คนเสื้อแดงสำนึกบุญคุณคนหนุ่มสาว พร้อมประกาศสำนึกผิดไม่เป็นธรรม เยาวชนต้องรับกรรมที่ผู้ใหญ่ก่อไว้เมื่อ 10 ปีก่อน ลั่นไม่ยอมสูญเสียอีกต่อไป ประกาศพร้อมปกป้องลูกหลานเมื่อถึงเวลา
ที่สถานีโทรทัศน์ พีซทีวี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมด้วย นายศักดิ์ระพี พรหมชาติ, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก, นายสุริยา ชินพันธ์ พร้อมด้วยญาติวีรชน อาทิ นางพะเยาว์ อัคฮาด และนายณัทพัช อัคฮาด ซึ่งเป็นมารดาและน้องชายของ นางสาวกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนภายในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 รวมถึงมวลชนจำนวนหนึ่ง ร่วมกันรำลึกและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วีรชนที่ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา 2553 เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี 10 เมษา 2553 ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง
โดยมีการนำรูปวีรชนที่เสียชีวิตมาประกอบพิธีทำบุญ พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ จากวัดสุวรรณประสิทธิ์ จำนวน 9 รูป มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พร้อมถวายสังฆทาน และกรวดน้ำให้วีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ครบรอบ 11 ปี 10 เมษายน ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของความตาย วันนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้วมีความตายเกิดขึ้น 26 ชีวิต จนถึง 19 พฤษภาคม 2553 มีคนตายทั้งหมด กว่า 99 ชีวิต และเสียชีวิตในภายหลังร่วมกว่า 10 ชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก เพราะประชาชนไปเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งในขณะนั้นเรียกร้องเพียงแค่ให้มีการยุบสภาแต่กลับจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน ดังนั้นความตายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของประเทศไทย อย่างน้อยมี 2 เหตุการณ์ ที่มีการสร้างอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นต่อไปได้สืบสานเจตนารมณ์ คือ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาคม 2535
นายจตุพร ยังกล่าวถึง การยุติเวที ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยไว้ชั่วคราว ว่า ตนสู้มาร่วม 30 ปี รู้ว่าจังหวะใดต้องรุกจังหวะใดต้องถอย แต่ประเด็นสำคัญ ใครคือผู้ถือความชอบธรรม หากเรายังเดินการชุมนุมต่อรัฐก็จะปฏิบัติการไอโอ และเราก็จะกลายเป็นผู้ร้าย และถูกสร้างให้เกิดความชิงชัง เหมือนที่เคยสร้างมา ดังนั้นในการระบาดโควิด-19 รอบนี้ และทุกรอบที่ผ่านมา เป็นความบกพร่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างอภัยไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาแล้ว 7 ปี ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะอยู่ไปอีก 6 ปี ตลอดระยะเวลา 15 ปี แห่งความขัดแย้งของคนไทย ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สั่งสมอำนาจมาจนแข็งแกร่ง เช่นทุกวันนี้ แต่อีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน การชุมนุมของกลุ่มไทยไม่ทนที่ผ่านมา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ประเมินจากสถานการณ์โควิด-19 จึงรีบยุติชั่วคราว แต่เราจะทำต่อไปทางโซเชียลมีเดีย และจะแตกหักจริงในเดือนพฤษภาคม
อีกด้าน กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมกับญาติวีรชน จัดงานรำลึกสดุดีวีรชน 11 ปี 10 เมษา 53 ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวรชัย เหมะ, นพ. เหวง โตจิราการ, นพ.สันต์ หัตถีรัตน์, นางธิดา ถาวรเศรษฐ และมีนักการเมืองเข้าร่วม เช่น นายทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย
โดยภายในงานมีการทำบุญสังฆทาน พระสงฆ์ 11 รูป วางพวงหรีดและดอกไม้สดุดีวีรชน โดยมีตัวแทนกลุ่มวีโว่ นักเรียนเลว และราษฎร มาร่วมวางพวงหรีดในปีนี้ด้วย จากนั้นแกนนำ นปช. ได้พบปะ สนทนากับครอบครัวผู้เสียชีวิต
ขณะที่บรรยากาศโดยรอบ มีมวลชนคนเสื้อแดงมาร่วมงาน รวมถึงมีการจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 53โดยทางเข้างานมีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ แจกเจลล้างมือ และกำชับให้ผู้ร่วมงานใส่หน้ากากอนามัยตามมาตรการสาธารณสุข
นางธิดา กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว ไม่สามารถจัดงานได้เพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่ในปีนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็จัดงานพิธีรำลึก เพราะต้องการประจานผู้มีอำนาจที่มีส่วนที่ทำให้เกิดความสูญเสียตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าขมขื่นแทนญาติวีรชน ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ อีกทั้งความจริงที่ว่ากลุ่มชุมนุมได้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และไม่มีชายชุดดำ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนที่เหลืออยู่ว่าเจ้าหน้าที่เบิกกระสุนกว่า 7 แสนนัด ในการปราบปรามประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้ต่อสู้ในกระบวนยุติธรรม ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม องค์กรอิสระตัดสินแทนศาล
สำหรับในปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณการตื่นตัวของการสู้ของคนรุ่นใหม่ที่พยายามกอบกู้ชื่อเสียงของคนเสื้อแดง เพราะเข้าใจว่าคนเสื้อแดงสู้เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน คนเสื้อแดงซาบซึ้งใจเยาวชนที่ระลึกถึงคนเสื้อแดงทุกคน
ดังนั้นคนเสื้อแดงจะยอมให้เยาวชนเหล่านั้นติดคุกได้อย่างไร จึงถือเป็นประวัติศาสตร์กับวลี "ให้มันจบที่รุ่นเรา" เป็นการเปิดเส้นทางสายใหม่ ที่คนทุกรุ่นจะเดินไปด้วยกัน งานในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเบิกทางของคนรุ่นใหม่ที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ที่จากไป จึงขอเรียกร้องขอให้ปล่อยตัวอนาคตของชาติที่ถูกคุมขังในเรือนจำ และอนุญาตให้ประกันตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกคน
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ตนเองได้มายืนอยู่ตรงนี้ รวมถึงได้กล่าวถึงเยาวชน ระบุว่า กลัวพวกเขาจะได้รับอันตราย จึงขอเรียกร้องให้ปล่อย เยาวชนออกจากห้องขังแล้วออกมาต่อสู้กันแบบผู้ใหญ่ เพราะไม่มีประเทศไหนที่จับกุมเยาวชน ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปไว้ในห้องคุมขัง การที่ตนเองออกมายืนวันนี้ เพื่อยืนยันและแสดงให้เห็นว่า การเข่นฆ่าไม่ใช่ทางออก และจะไม่ยอมสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้
ย้ำว่าไม่ใช่การเปิดฉากสงคราม แต่หากเยาวชนลุกขึ้นมาต่อสู้ ไม่ยอมรับบ้านเมืองที่รัฐมอบให้ เพราะประเทศนี้กำลังจะอยู่ในความรับผิดชอบของเขาในอนาคตข้างหน้า และเป็นสิทธิ์โดยชอบที่จะเรียกร้อง รูแแบบการปกครอง และการจัดสรรอำนาจที่ดีกว่า จึงไม่มีประโยชน์ที่จะจัดการกับเยาวชนด้วยความโกรธแค้นชิงชัง แต่ควรเปิดใจรับฟังและหันหน้าเข้าหากันเพื่อหาทางออกประเทศ
ทั้งนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รักลูก 2 คนมากแค่ไหน พ่อแม่ของเยาวชนที่ถูกจับกุม ก็รักลูกของเขาอย่างสุดหัวใจเช่นกัน จึงขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการข่มเหง กดขี่ ลูกหลานเยาวชนในทุกรูปแบบ และมองว่าไม่เป็นธรรมเลยที่เยาวชนเหล่านี้จะต้องมาแบกรับในสิ่งที่คนรุ่นพวกเราเคยทำไว้ในอดีตเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ถึงเวลาที่ต้องแสดงให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ว่า พวกเราสำนึกว่าผิดไปแล้ว และจะไม่ยอมให้เกิดการผิดพลาดอีก และจะทำให้งานรำลึกปี 2553 เป็นงานรำลึกครั้งสุดท้าย และจะไม่มีงานรำลึกอีกต่อไป
ในช่วงท้าย นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า คนเสื้อแดงสำนึกบุญคุณคนหนุ่มสาว และสร้างอนุสาวรีย์ในหัวใจของทุกคน พร้อมเรียกร้องครั้งสุดท้ายขอให้ร่วมกันต่อสู้เพื่อเยาวชน ดลใจให้ผู้พิพากษาปล่อยตัวเยาวชนที่ถูกคุมขัง
อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะยังไม่ขึ้นปราศรัยบนเวที เพราะขณะนี้ เป็นการเคลื่อนไหวของคุณหนุ่มสาว แต่จะติดตามอย่างใกล้ชิด หากเมื่อไหร่ที่เห็นแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องออกมาต่อสู้ก็ต้องออกมา พร้อมย้ำว่าเห็นด้วยกับการต่อสู้แบบสันติวิธี แต่คนอย่างตนเองไม่เคยกลัวใคร และหากจำเป็นต้องตัดสินใจเมื่อไหร่ก็พร้อมเมื่อนั้น
แท็กที่เกี่ยวข้อง คนเสื้อแดง ,จตุพรพรหมพันธุ์ ,ณัฐวุฒิใสยเกื้อ ,สลายชุมนุมปี53