อุทยานแห่งชาติทับลาน ขอหมายศาลค้นบ้าน 'ดาบตำรวจ' ปราจีนบุรี หลังลักลอบตัดไม้

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นำหลักฐานไปขอหมายจากศาล ค้นบ้านของดาบตำรวจนายหนึ่ง ที่ปราจีนบุรี หลังใช้เครื่องมือติดตามไม้ชุดหนึ่งที่ถูกลักลอบตัดออกจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ก่อนจะนำไปซุกซ่อนไว้ เมื่อขอเรียกตรวจเอกสารการครอบครอง ไม้จากดาบตำรวจที่รับเป็นเจ้าของ ยืนยันว่า ไม้ดังกล่าวตัดมาจากที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ และมีอดีตผู้ใหญ่บ้านเซ็นรับรอง แต่เจ้าหน้าที่พบพิรุธหลายประเด็นที่เชื่อว่า อาจเป็นไม้ที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน นำหมายศาลจังหวัดกบินทร์บุรี สนธิกำลังร่วมกับชุดเฉพาะกิจพญาเสือ พยัคฆ์ไพร และศปป.4 กอ.รมน. มุ่งหน้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในตำบลหนองกี่ / ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นแหล่งพักไม้ที่ลักลอบตัดจากป่าทับลาน และชายคนนี้ก็คือดาบตำรวจ เจ้าของบ้าน

เจ้าของบ้านบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับไม้ผิดกฏหมาย ไม้ต้องสงสัยที่เจอในโรงเลื่อยก็เป็นไม้จากที่โฉนดข้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นบ่อน้ำอย่างที่เห็น ดาบตำรวจยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีไม้เข้ามาและไม่เคยขนย้ายไม้ออกไปไหน แต่ที่ข่าว 3 มิติ จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นข้อมูลอีกด้าน ที่ทำเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย จนนำมาสู่การตรวจสอบขอหมายค้น นี่คือภาพถ่ายทางอากาศในแปลงโฉนด เมื่อย้อนภาพกลับไปในช่วงปี 57 ก่อนขุดบ่อ เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยตอไม้ หรือต้นไม้ตามที่กล่าวอ้าง

จากภาพจะเห็นเส้นทางของจีพีเอสแทร็คเกอร์ เคลื่อนออกจากป่ามุ่งหน้าไปที่บ้านที่ขอหมายค้น จีพีเอสหยุดนิ่งที่นี่ 3 วัน ก่อนจะมีสัญญาณเคลื่อนที่อีกครั้ง มุ่งหน้าไปที่โรงแปรรูปไม้ 19 มีนาคม เจ้าหน้าที่ขยายผลไปที่โรงเลื่อย พบว่าในช่วงวันเวลาและในเส้นทางที่ระบบติดตามแจ้งเตือน วงจรปิดบริเวณแยก ปรากฏภาพรถกระบะบรรทุกไม้เต็มคันรถ มุ่งตรงไปที่โรงเลื่อย ผ่านไปราว 20 นาที รถคันเดิมกลับออกมา ในสภาพที่หลังกระว่างเปล่า ตรวจสอบในระบบ จนพบหลักฐานระบุชัดเจนว่า เจ้าของรถคันนี้ คือดาบตำรวจที่ก่อนหน้านี้ให้การยืนยัน ไม่ได้ขับรถขนไม้ไปไหน และไม่เคยมีกระบะแบบนี้ 

เจ้าหน้าที่เตรียมนำข้อมูลและผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช้เป็นหลักฐานแจ้งดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะขยายผลตรวจสอบต่อไปว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนช่วยเหลือสนับสนุน เปิดทางให้ขบวนการลักลอบเข้าไปตัดไม้ในป่า สำหรับไม้ทั้ง 11 เหลี่ยม นอกจากหลักฐานทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่จะนำไม้ทั้งหมดส่งตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อให้ได้ผลยืนยันที่ชัดเจนมากขึ้น

ความคืบหน้าการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุของไทย 2 รายการ คือทับหลังปราสาทหนองหงส์ และทับหลังประสาทเขาโล้น ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ Asian Art Museum นครซานฟ รานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และข่าว3 มิติติดตามประเด็นนี้มาตลอด ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าโบราณวัตถุสองรายการดังกล่าว จะถูก ส่งกลับถึงประเทศไทยภายในเดือนเมษายนนี้ หลังจากที่ผ่านมาสู้คดีจนพิสูจน์ได้ว่าเป็นโบราณวัตถุของไทย ที่ถูกลักลอบนำออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงยืนยันวันนี้ว่าคณะกรรมการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุของไทย ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2560 ได้ส่งข้อมูลหลักฐาน จนนำไปสู่ การติดตามทวงคืนทับหลังปราสาทหนองหงส์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น ได้สำเร็จ และพิพิธภัณฑ์อาเซียน อาร์ท มิวเซียม นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ได้ถอดรายการทับหลังดังกล่าวออกจากบัญชีของพิพิธภัณฑ์แล้วเมื่อวานนี้

และวันที่ 2 เมษายน คือวันพรุ่งนี้ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลกลางสหรัฐจะยึดคืนทับหลังทั้งสองรายการไว้ เพื่อเตรียมส่งมอบให้ผู้แทนรัฐบาลไทยในโอกาสต่อไป ผ่านกรอบ ความร่วมมือของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องขนส่ง จากนั้นจึงจะมีพิธีส่งมอบเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าภายในเมษายนนี้

ทับหลังทั้งสองรายการนี้ ถูกจัดแสดงในพิพิธิภัณฑ์เอกชน ที่สหรัฐ ต่อมามีหลักฐานจากนักวิชาการพิสูจน์ได้ว่าเป็นทับหลังจากประสาทเขาโล้นจังหวัดสระแก้ว และปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกลักลอบนำออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย นำมาซึ่งการติดตามทวงคืนจากไทย ผ่านการประสานกับหลายหน่วยงานของสหรัฐ เช่นสำนักงานอัยการ และสำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เป็นต้น จนชนะคดี และกำลังจะได้กลับคืนประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุของไทย อีก 13 รายการ เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริด ศิลปะสมัยสุโขทัย อยุธยา และรูปเคารพศิลปะศรีวิชัย ซึ่งการทวงคืนเสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ในขั้นตอนส่งมอบให้ไทยในระยะถัดไป