สังคม

'ธนาธร' งัดข้อมูลฟาด 'อนุทิน' โกหกปชช. ปมวัคซีนโควิด

โดย kodchaporn_j

14 มี.ค. 2564

184 views

จากการถกเถียงในห้องสนทนาคลับเฮาส์ ห้อง “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขเข้าร่วมตอบคำถามประชาชนในห้องดังกล่าว นายอนุทินได้ชี้แจงแผนการให้บริการวัคซีน ซึ่งยังเป็นไปตามเป้า ช่วงหนึ่ง นายธนาธรได้เข้ามาในห้องสนทนา และกล่าวว่า นายอนุทินกำลังโกหกประชาชน และมีการนำเสนอข้อมูลตอบโต้กัน


ล่าสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นระบุว่า

[ ผมไม่แน่ใจว่าคุณอนุทินสับสนไทม์ไลน์เอง หรือตั้งใจบิดเบือนประเด็นมาบอกว่าผมโกหกประชาชน ทั้งที่ตัวเองกำลังโกหกคำโตอยู่ ]


พอดีเมื่อคืนผมเห็นว่ามีห้องคลับเฮาส์ที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องวัคซีนโควิดเลยกดเข้าไปฟังโดยไม่ได้ตระหนักแต่แรกว่ามีคุณอนุทินอยู่ในห้องด้วย และเมื่อผู้ดำเนินรายการเชิญให้ผมขึ้นพูด ผมก็ปฏิเสธและขอฟังคนอื่นพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปก่อน เนื่องจากผมเองก็กำลังทานอาหารอยู่ด้วย


ผู้ดำเนินรายการจึงถามคุณอนุทินว่า “ทำไมเราเลือกไลเซนส์ AstraZeneca ให้แก่ Siam Bioscience เป็นผู้ผลิต?” และ “ทำไมเราถึงต้องเลือกบริษัท Siam Bioscience ด้วย?” เมื่อผมฟังคำตอบของคุณอนุทินแล้ว ผมยังยืนยันว่าคุณอนุทินไม่ได้พูดความจริงกับประชาชน โดย:


1.ประโยคที่ว่า AstraZeneca มีความพร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนตามกำหนด หรือที่คุณอนุทินพูดว่า “สอดคล้องกับเวลาที่เราต้องการ” นั้นมีปัญหาแน่ๆ เพราะเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 เอกสารกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ชี้แจงในชั้น กมธ. ยังบอกเองว่าจะมีไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนในประเทศไทยจนถึงปี 2566 หรืออีก 3 ปี หลังจากนี้จึงจะฉีดได้ประมาณ 50% ของประชากร


หมายความว่าฉีด 50% ได้ภายในปลายปี 2566 หรืออีก 3 ปีหลังจากนี้ เรียกว่าตรงต่อเวลาที่เราต้องการหรือ?


คุณอนุทินยังมาโพสต์ตามหลังอีกว่าผมโกหกประชาชนโดยใช้แผนไทม์ไลน์เก่า ตอนนี้ปรับใหม่แล้ว ปัญหาคือรัฐบาลเพิ่งประกาศแผนใหม่เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 (หรือเมื่อ 67 วันที่แล้วเอง) ให้ฉีดได้เพียง 50% ของประชากรภายในสิ้นปี 2564


แต่ประเด็นใหญ่ก็คือแผนเดิมของรัฐบาล ที่บอกว่า AstraZeneca จะส่งมอบวัคซีนปี 2564 ได้แค่ 16 ล้านโดส และปี 2565 อีก 10 ล้านโดส แล้วจะบอกว่าตรงกับความต้องการเวลาส่งมอบ ซึ่งเพิ่งมาเปลี่ยนเป็นส่งมอบทั้ง 26 ล้านโดสภายในปีนี้ได้อย่างไร?!?


สรุปแล้ว ที่คุณอนุทินชี้แจงว่าตอนดีลกันเมื่อปีก่อน แล้วบอกว่าเขาจะส่งมอบวัคซีนให้ “สอดคล้องกับเวลาที่เราต้องการ” นี่คือไทม์ไลน์ไหนกันแน่ ไม่แน่ใจว่าคุณอนุทินตั้งใจบิดเบือนประเด็นที่ผมคุย หรือคุณแอบสับสนเองหรือเปล่า?


การปรับเปลี่ยนแผนทีหลังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตอนเซ็นสัญญานี่ยังเป็นแผนเดิมคือฉีด 50% ภายในปลายปี 2566 (ซึ่งช้ามากๆ ประชาชนคนทำมาหากินเขารอไม่ได้แน่ๆ) แล้วค่อยมาปรับแผนทีหลัง แล้วจะมาบอกว่าผมโกหกได้อย่างไร? ก็ในเมื่อตอนดีลคุณดีลอยู่บนไทม์ไลน์นี้


2.คุณอนุทินบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ได้เป็นคนเลือก Siam Bioscience แต่เพราะเราทำสัญญากับ AstraZeneca ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีน และคัดเลือก Siam Bioscience ให้เป็นผู้ผลิตในประเทศไทยเอง ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นโรงงานที่มีความพร้อมที่สุด ไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลไทย เราไม่ได้มีสัญญาอะไรกับ Siam Bioscience


แต่จากร่องรอยเอกสารราชการทั้งหมดที่มี บ่งชี้ไปว่ารัฐบาลไทยเริ่มกระบวนการให้การสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินไปช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่บริษัทเอกชนแห่งนี้อย่างน้อย 6 ร้อยล้านบาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ก่อนที่จะมีการลงนาม 4 ฝ่ายใน Letter of Intent เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เพื่อจัดหาวัคซีน AstraZeneca ให้แก่รัฐบาลเสียด้วย


แล้วคุณอนุทินจะมาบอกว่าการตั้ง Siam Bioscience ให้เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียวของ AstraZeneca ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับรัฐบาลไทย รัฐบาลไทยไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร!?!


สุดท้าย ผมยังยืนยันคำเดิม “คุณอนุทินโกหกประชาชนแบบนี้ไม่ได้นะครับ”


ด้านคุณอนุทินยังมาโพสต์ตามหลังอีกว่า ผมโกหกประชาชนโดยใช้แผนไทม์ไลน์เก่า ตอนนี้ปรับใหม่แล้ว ปัญหาคือรัฐบาลเพิ่งประกาศแผนใหม่เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 (หรือเมื่อ 67 วันที่แล้วเอง) ให้ฉีดได้เพียง 50% ของประชากรภายในสิ้นปี 2564


นพ.โอภาส กล่าวว่า ถึงกรณีมีบางคนนำข้อมูลที่บอกว่า กรมควบคุมโรคได้เสนอต่อกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อปลายปี 2563 ว่าจะมีการฉีดวัคซีนครบถ้วนในปี 2566 ขอชี้แจงว่า ปลายปี 2563 เป็นสถานการณ์ที่ยังไม่มีการนำวัคซีนมาใช้ การวิจัยก็ยังไม่แน่ใจว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพ มีการความปลอดภัย ป้องกันโรคได้หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิเคราะห์ว่ากว่าวัคซีนจะมีใช้คงใช้เวลาอีกหลายปี จึงมีการจัดทำแผนเตรียมการฉีดวัคซีนเป็นกรอบกว้างๆ ตามข้อมูลที่มีในขณะนั้น แต่ต่อมา ครม.เห็นชอบและอนุมัติตามที่ สธ.ได้จองซื้อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 26 ล้านโดส ทำสัญญาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 จึงได้ปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่


“จะเห็นว่าแม้แต่ในต้น มี.ค. 2564 การวิจัยส่วนใหญ่ก็ยังไม่เสร็จ การใช้ขณะนี้เป็นการใช้ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ดังนั้นการปรับแผนการฉีดวัคซีนจะต้องปรับเป็นระยะให้มีความสอดคล้อง เช่น เรามีการระบาดที่สมุทรสาคร ปทุมธานี กทม. และปริมณฑล จึงนำวัคซีนของซิโนแวคเข้ามา 2 ล้านโดสอย่างเร่งด่วน และซื้อวัคซีนจากแอสตร้าฯ เพิ่มอีก 35 ล้านโดส ดังนั้นจึงมีการปรับแผนฉีดวัคซีนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเร็วขึ้น คือฉีด 63 ล้านโดส เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งแผนนี้ผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครม.และ ศบค. มีการแถลงต่อประชาชนและสื่อมวลชน ซึ่งคิดว่าส่วนใหญ่ก็ทราบดีอยู่แล้ว” นพ.โอภาสกล่าว


สำหรับผู้ที่ชอบอ้างว่าข้อมูลเก่านี้ว่าเราฉีดวัคซีนให้ประชาชนล่าช้า จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ย้ำว่าการนำข้อมูลเก่าไม่ตรงข้อเท็จจริงมาเสนอประชาชน จะก่อให้เกิดความสับสนและทำให้การควบคุมโรคเป็นไปด้วยความยากลำบาก การต่อสู้กับเชื้อโรคที่ยากลำบากแล้วนั้นยังต้องมาต่อสู้กับข้อมูลที่ไม่จริง 



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ax-z94qUtCM

คุณอาจสนใจ

Related News