สังคม

นายกฯมอบนโยบายด้านยาเสพติด สั่งเร่งพัฒนาบุคลากร-เตรียมความพร้อมเทคโนโลยี

โดย thichaphat_d

9 ก.พ. 2564

76 views

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการ ศอ.ปส. และผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 30 คน ร่วมประชุมณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)


เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บันทึกวีดีโอการมอบนโยบายยาเสพติดเพื่อเปิดในที่ประชุม โดยมีเนื้อหาว่า การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดถือเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขเป็นลำดับต้น ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้บูรณาการทำงานร่วมกันในการตัดวงจรยาเสพติดเพื่อให้ได้ทรัพย์สิน รวมถึงการปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยในปี 2564 นี้รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายขยายผล อายัดทรัพย์สินเป็นมูลค่า 6000 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเราต้องเดินหน้าใน 3 เรื่องหลักคือ


1.การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงความสามารถของการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการติดตามผู้กระทำความผิด


2.ความพร้อมของเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น


3.การปรับปรุงกฎระเบียบข้อกฎหมายต่างๆ ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขประมวลร่างกฎหมายยาเสพติด รวมทั้งแก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ยาเสพติด ดังนั้นผมขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด


ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวอีกว่า รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมได้มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างรอบด้านเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นไปที่การยึดทรัพย์สินตัดวงจรยาเสพติด


โดยขณะนี้การทำงานในงบประมาณปี 2564 ระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563จนถึง 31 มกราคม 2564 สามารถดำเนินการจับกุม ขยายผลยึดทรัพย์33 เครือข่าย ได้ทรัพย์สินแล้วกว่า 1,987 ล้านบาทต้องยอมรับการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะไม่ย่อท้อ และจะนำแนวทางทั้ง 3 ของนายกรัฐมนตรีมอบให้ไปเร่งดำเนินการ ซึ่งขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้พยายามผลักดันร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่หากพิจารณาแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินงานได้ง่ายมากขึ้น นำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง


นายสมศักดิ์ กล่าวต่อถึงสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด และแนวทางการดำเนินงานขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด ซึ่งพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ กำหนดเป็น 3 ขนาด คือ


- ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้จังหวัดละ 90 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,430 ล้านบาท


- ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ให้ได้จังหวัดละ 70 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,170ล้านบาท


- ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้จังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 900ล้านบาท


- กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 500ล้านบาท และกำหนดเป็นตัวชี้วัดเพื่อกำกับ ติดตามการดำเนินงาน ใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน จำนวน 2 ตัวชี้วัด คือ ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด และตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการดำเนินการในคดีความผิดฐานสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือในคดียาเสพติด


นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เสนอการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือ 1.การกำหนดให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อไปได้ แม้ว่าพนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องจำเลยในคดีอาญา และหากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ 2.การกำหนดให้นำหลักการในการ “ริบทรัพย์สินตามมูลค่า (Value-based Confiscation) มาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการริบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด


ทั้งนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนเครื่องมือที่ทันสมัยให้กับหน่วยงานหลักอย่าง บช.ปส.DSI เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายผล ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ตลอดจนการอบรมการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปราบปรามยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fBM9ipRWGeA

คุณอาจสนใจ

Related News